การซื้อขายนักเตะของวงการฟุตบอลโลก

เงินเฟ้อที่อาจจะหายไป!

ในช่วงก่อนที่จะเกิดเหตการณ์ การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า หรือว่าโควิด 19 นั้น มูลค่าการซื้อขายนักเตะของวงการฟุตบอลโลกนั้นนับวันมีแต่จะสูงขึ้นทุกที นับจากที่มีดีลการย้ายทีมประวัติศาสตร์ ที่ส่งผลกระทบต่อทุกการซื้อขายนักเตะหลังจากนั้น ซึ่งก็คือดีลของเนย์มาร์ กองหน้าซุเปอร์สตาร์ชาวบราซิเลี่ยนที่ปารีส แซงต์ แชร์กแมงทุ่มเงิน 222 ล้านยูโรซึ่งเป็นค่าฉีกสัญญาของเนย์มาร์กับบาร์เซโลน่าในช่วงเดือนสิงหาคม 2017

ซึ่งเป็นค่าตัวนักเตะที่บ้าบิ่นเป็นอย่างมาก ในการย้ายทีม เพราะก่อนหน้านั้นนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกที่เป็นของปอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศส ตอนย้ายจากยูเวนตุสกลับมาอยู่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในช่วงกลางปี 2016 นั้นยังมีค่าตัวเพียง 89 ล้านปอนด์เท่านั้น แต่ค่าตัวสถิติโลกใหม่นั้นกลับแพงกว่าเดิมแบบทวีคูณเลยทีเดียว ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจฟุตบอลโลกเป็นอย่างมาก เพราะราคาค่าตัวของเนย์มาร์ถูกนำมาเป็นข้ออ้างในการตั้งราคาซื้อขายนักเตะของสโมสรต่างๆ ทันที

มูลค่าการซื้อขายนักเตะของวงการฟุตบอลโลกนั้นนับวันมีแต่จะสูงขึ้นทุกที
มูลค่าการซื้อขายนักเตะของวงการฟุตบอลโลกนั้นนับวันมีแต่จะสูงขึ้นทุกที

ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่การซื้อขายกันตามปกติก็ตาม เพราะบาร์เซโลน่าไม่ได้ตอบตกลงข้อเสนอของทีมดังจากประเทศฝรั่งเศสแต่อย่างใด แต่เป็นการที่ปารีส แซงต์ แชร์กแมงยินยอมที่จะจ่ายค่าตัวที่ระบุไว้ในสัญญานั่นเอง ทำให้บาร์เซโลน่าไม่สามารถปฏิเสธได้ และมันส่งผลให้ค่าตัวของนักเตะทุกคนหลังเนย์มาร์ เอฟเฟ็กต์นี้เกิดความปั่นป่วนขึ้นทันที แม้แต่บาร์เซโลน่าที่ได้ค่าตัวมหาศาลจากการฉีกสัญญาครั้งนี้ก็ตาม แต่พวกเขาก็ไปถูกทีมอื่นโขกค่าตัวยับเช่นกันในตอนที่ไปซื้อนักเตะคนอื่นเข้ามาแทนที่ของเนย์มาร์หลังจากนั้น

 

หลังจากการย้ายทีม ของเนย์มาร์แล้วก็เกิดเหตุการณ์เงินเฟ้อในวงการฟุตบอลทันที ที่ทำให้นักเตะทุกคนมีค่าตัวแพงขึ้นแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยเริ่มตั้งแต่บาร์เซโลน่าเองที่ไปคว้าตัวอุสมาน เดมเบเล่ ปีกดาวรุ่งชาวงฝรั่งเศสจากโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์มาร่วมทีม ซึ่งบาร์เซโลน่าต้องจ่ายค่าตัวให้กับทีม “เสือเหลือง” ถึง 105 ล้านยูโรในเบื้องต้น และยังไม่รวมอีก 40 ล้านยูโรที่เป็นเงื่อนไขที่พวกเขาอาจจะต้องจ่ายให้กับทีมดังในบุนเดสลีก้าในภายหลังอีกด้วย

หากว่าตัวนักเตะทำตามเงื่อนไขต่างๆ ได้สำเร็จ ซึ่งถือว่าเป็นค่าตัวที่แพงมาก ทั้งๆ ที่เดมเบเล่ในตอนนั้นพึ่งก้าวขึ้นมาเล่นโดดเด่นได้เพียงไม่นานเท่านั้น แต่บาร์เซโลน่าก็ไม่มีทางเลือกมากนัก เพราะพวกเขามีเวลาในการหาตัวแทนเนย์มาร์ไม่นานนัก เพราะเป็นช่วงท้ายตลาดของการซื้อขายนักเตะแล้ว และในช่วงต้นปีต่อมา บาร์เซโลน่าก็มาเสียเงินก้อนโตอีกครั้งในการคว้าตัวฟิลิปเป้ คูตินโญ่ เพลย์เมคเกอร์ชาวบราซิเลี่ยนที่เป็นดาวเตะตัวเก่งของลิเวอร์พูลในตอนนั้นมาร่วมทีม ด้วยค่าตัวรวมเบ็ดเสร็จถึง 142 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

ซึ่งจะเห็นได้ว่าค่าตัวหลังจากการย้ายทีมของเนย์มาร์ถือว่าสูงมาก และค่าตัวหลัก 100 ล้านยูโรเริ่มเห็นได้ง่ายขึ้น ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่มีดีลไหนที่เคยเกิน 100 ล้านปอนด์เลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าเห็นกันได้เกลื่อนในตลาดซื้อขาย แม้ว่านักเตะคนนั้นจะยังไม่ได้เป็นสุดยอดนักเตะก็ตาม แต่กลายเป็นว่าเป็นค่าตัวที่ถูกตั้งไว้เป็นมาตรฐานในการเริ่มเจรจาของนักเตะดาวดังหลายๆ คนไปเสียแล้ว ทำให้เหล่าสโมสรต่างๆ ทั่วโลกได้รับผลกระทบจากเนย์มาร์ เอฟเฟ็กต์กันไปทั่ว เพราะทำให้ทีมต่างๆ ต้องควักกระเป๋ากันหนักขึ้นกับการซื้อนักเตะแต่ละคนเข้ามาเสริมทีม

แต่ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19 นั้น อาจจะทำให้สภาวะเงินเฟ้อของวงการฟุตบอลนั้นกลับมามีความสมดุล และมีความสมเหตุสมผลในเรื่องของค่าตัวนักเตะในการย้ายทีมเหมือนในช่วงก่อนจะมีดีลของเนย์มาร์อีกครั้งก็เป็นได้ เพราะตอนนี้แต่ละสโมสรก็ล้วนแล้วแต่ประสบปัญหาทางด้านการเงินทั้งนั้น จากการที่ต้องหยุดแข่งในช่วงที่เหลือของฤดูกาลออกไป ทำให้สโมสรต่างๆ ขาดรายได้เข้าสู่สโมสรไปอย่างมากมายตามแต่ความใหญ่ของแต่ละสโมสร

ทำให้งบประมาณการเสริมทัพของแต่ละทีมในช่วงปิดฤดูกาลนี้จะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน และจะต้องลดลงเป็นอย่างมากด้วย ทำให้ค่าตัวนักเตะที่ทีมที่ตั้งใจจะขายนักเตะออกจากทีมก่อนหน้านี้ อาจจะได้ค่าตัวไม่ได้ตามที่ตั้งเอาไว้แต่แรก เพราะหากยังยืนกรานที่จะขายนักเตะในราคาเดิมก่อนที่จะได้รับผลกระทบจากไวรัสนั้น มีความเป็นไปได้สูงมากที่ทีมอื่นๆ จะไม่มีกำลังซื้อเพียงพอ

ทำให้เกิดโอกาสที่ราคาค่าตัวการซื้อขายนักเตะมีโอกาสจะกลับมาเป็นปกติอีกครั้งในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลหน้า ไม่ว่าฤดูกาลนี้จะจบลงอย่างไรก็ตาม ซึ่งถือว่าอาจจะเป็นเรื่องดีต่อทีมฟุตบอลต่างๆ ในอนาคต ที่พวกเขาอาจจะไม่ต้องรับภาระค่าตัวนักเตะที่แพงเกินจริงมานานเกือบ 3 ปีแล้วหลังจากนี้ เพราะหลังจากที่สถานการณ์ของโรคระบาดจากเชื้อโควิด 19 ที่อาจจะหายไปตอนไหนก็ไม่รู้ ซึ่งเหล่าสโมสรต่างๆ ยังจะต้องมาฟื้นฟูเรื่องการเงินต่างๆ ด้วย ทำให้เหมือนเป็นการบังคับให้ค่าตัวของนักเตะอาจจะต้องลดลงอย่างแน่นอนหลังจากนี้