ตำนานเบอร์ 7 ของ “ปีศาจแดง”
ทีม “ปีศาจแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนาน โดยยุคที่พวกเขาประสบความสำเร็จก็มีอยู่ 2 ช่วง คือช่วงทศวรรษที่ 60 ที่พวกเขามีบ็อบบี้ ชาร์ลตัน เป็นกองหน้าตัวเก่งทั้งในระดับสโมสร และระดับทีมชาติอังกฤษ และยุครุ่งเรืองของสโมสรก็คือยุคที่มีอเล็กซ์ เฟอร์กูสันคุมทีมนั่นเอง โดยเฉพาะในทศวรรษที่ 90 เป็นต้นมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลายเป็นทีม ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด บนเกาะอังกฤษตั้งแต่นั้นมา
ซึ่งนักเตะหมายเลข 7 ของสโมสรแห่งนี้นั้น มักจะกลายเป็นนักเตะระดับตำนาน ของทีมหลายราย และเหมือนเป็นที่รู้กันว่าหมายเลข 7 ของทีมในแต่ละยุคนั้น จะเว้นไว้ให้กับนักเตะที่คู่ควรเท่านั้น โดยเริ่มแรกนั้นเป็นหมายเลขของ จอร์จ เบสต์ ปีกพรสวรรค์ของทีมที่เหมือนเป็นผู้สร้างตำนานหมายเลข 7 ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และต่อมาก็คือ ไบรอัน ร็อบสัน กองกลาง “กัปตันมาร์เวล” ที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่งดุดันที่กลายเป็นกำลังสำคัญของทีมในทศวรรษ 80 และต่อมาก็คือเอริค คันโตน่า กองหน้าชาวฝรั่งเศสที่มีสไตลย์การเล่นที่สง่างามเป็นอย่างมาก
ก่อนที่ต่อมาจะกลายเป็นหมายเลขของ เดวิด เบ็คแฮ่ม เทพบุตรรูปหล่อ และปีกขวาทีมชาติอังกฤษที่เคยสวมใส่หมายเลข 24 และหมายเลข 10 ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น หมายเลข 7 หลังการจากไปของ “ก็องโต้” ซึ่ง แเหมือนกลายเป็นไอค่อนของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปเลยในตอนนั้น หลังจากที่เขามาสวมเบอร์ 7 ของทีม “ปีศาจแดง” ซึ่งทำให้เขาดังเป็นพลุแตกเลยทีเดียว ทั้งความสามารถที่โดดเด่น และมีเอกลักษณ์ รวมถึงรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาเอาการ ทำให้เขาเหมือนจะเป็นนักเตะหมายเลข 7 ที่โด่งดังที่สุดของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเลยก็ว่าได้ ก่อนที่เขาจะย้ายออกจากถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดไปในปี 2003 โดยไปอยู่กับแรอัล มาดริด และในตอนนั้นก็มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวรุ่งทีมชาติโปรตุเกสเข้ามารับไม้ต่อหมายเลข 7 แทนเขาไป
ในตอนแรกที่คริสเตียโน่ โรนัลโด้มาสวมหมายเลข 7 ต่อจากเบ็คแฮ่มนั้น แฟนบอล “ปีศาจแดง” หลายคนมองว่ายังไม่เหมาะสมด้วยซ้ำในตอนนั้น เพราะดาวรุ่งหัวหยอยชาวโปรตุกีสรายนี้ ถือว่าเป็นนักเตะโนเนมเลยก็ว่าได้ในตอนนั้น และทีมไปประทับใจฟอร์มการเล่นเพียงนัดเดียวของเขาที่โปรตุเกส ก่อนจะดึงตัวมาร่วมทีมทันทีในซัมเมอร์ปี 2003 และตอนแรกที่เขาย้ายมาร่วมทีมแล้วนั้น ผลงานของโรนัลโด้ก็ไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าไหร่นัก แม้ว่าจะมีความหวือหวา และน่าตื่นตาตื่นใจในยามที่ได้ลงสนาม แต่ยังถือว่าประสิทธิภาพไม่ได้สูงมากนัก แต่แล้วคริสเตียโน่ โรนัลโด้ก็ค่อยๆ มีพัฒนาที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งฤดูกาล 2007-2008 เขาได้กลายเป็นยอดดาวเตะอย่างเต็มรูปแบบ ด้วยการทำได้ถึง 42 ประตูในทุกรายการ และช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก รวมถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้สำเร็จในฤดูกาลนั้น ทำให้โรนัลโด้ได้รับการยอมรับอย่างเต็มภาคภูมิในฐานะดาวเตะระดับตำนานคนหนึ่งของสโมสรในการสวมเสื้อหมายเลข 7
ซึ่งเหมือนเป็นคนสุดท้าย ที่ใส่หมายเลข 7 ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้วทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เพราะหลังจากนั้นเป็นต้นมา นักเตะคนไหนที่มาสวมใส่เบอร์ 7 หลังจากนั้นมักจะทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ และถือว่าเป็นนักเตะที่ล้มเหลวของทีมทั้งนั้น เริ่มมาตั้งแต่ไมเคิ่ล โอเว่น อดีตกองหน้าตัวเก่งของลิเวอร์พูล ที่เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันไปดึงมาร่วมทีมหลังจากที่โอเว่นกลายเป็นนักเตะไร้สังกัดในตอนนั้น และพอมากุนซือชาวสก็อตแลนด์ก็มอบหมายเลข 7 ให้โอเว่นใส่ทันที ซึ่งผลงานของโอเว่นก็ไม่ได้ดีเด่อะไร ต่อมาคืออันโตนิโอ วาเลนเซีย ปีกทีมชาติเอกวาดอร์ที่อันที่จริงตอนย้ายมาจากวีแกนเขาก็สวมใส่หมายเลข 25 อยู่ดีๆ แต่พอปี 2012-13 เขาเปลี่ยนมาใส่หมายเลข 7 และฤดูกาลนั้นก็กลายเป็นปีที่ย่ำแย่ของเขาเลย ทั้งๆ ที่ปีก่อนหน้านั้นเขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม จนพอจบฤดูกาลวาเลนเซียก็ต้องเปลี่ยนกลับไปใส่หมายเลข 25 ตามเดิมทำให้เบอร์ 7 ต้องว่างลงไป 1 ฤดูกาล
ในปี 2014 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปคว้าตัวอังเคล ดิ มาเรีย ปีกทีมชาติอาร์เจนติน่ามาจากเรอัล มาดริดด้วยค่าตัวที่แพงเป็นสถิติของสโมสร และมอบหมายเลข 7 ให้ทันทีในยุคของหลุยส์ ฟาน กัลป์ แต่ดาวเตะใจปลาซิวรายนี้ก็อยู่ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดได้เพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นก็ขอย้ายทีมไปอยู่กับปารีส แซงต์ แชร์กแมงแทน และหมายเลข 7 ก็ถูกส่งต่อมาให้กับเมมฟิส เดปาย ปีกทีมชาติฮอลแลนด์ที่เป็นดาวซัลโวของลีกเนเธอร์แลนด์ก่อนจะย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่พอย้ายมาแล้วเดปายก็กลายเป็นเสือเชื่องๆ ตัวหนึ่งเท่านั้น
เมื่อผลงานของเขาย่ำแย่เป็นอย่างมาก จนทำให้ถูกขายออกจากทีมไปในปี 2017 ให้กับลียง ก่อนที่ทีมจะไปคว้าอเล็กซิส ซานเชซ ปีกชาวชิลีที่ดึงมาจากอาร์เซน่อลในช่วงต้นปี 2018 และก็เป็นอีกคนที่ล้มเหลวแบบสุดๆ กับหมายเลขไอโคนิคนี้ ซึ่งคาดว่าหมายเลข 7 คนต่อไปของสโมสรแห่งนี้อาจจะเป็นเจดอน ซานโช่ ปีกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษก็เป็นได้ หากว่าพวกเขาจัดการได้ตามที่ต้องการด้วยการขายเจ้าของเบอร์เดิมออกจากทีม และดึงเจ้าของใหม่จากโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์มาร่วมทีม
