เจอกระแสต่อต้าน! กลุ่มทุนซาอุฯกับปัญหาฮุบนิวคาสเซิ่ล

กลายเป็นกระแสในวงการฟุตบอลเมื่อ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด สโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก เตรียมจะพูกเทโอเวอร์โดย ซาอุดิ พับบลิก อินเวสต์เมนต์ ฟันด์ (พีไอเอฟ) กลุ่มทุนจากซาอุดิอาระเบียที่ได้รับการสนับสนุนจาก โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งพร้อมยื่นข้อเสนอถึง 300 ล้านปอนด์ในการฮุบสโมสร อย่างไรก็ตามมีกระแสออกมาต่อต้านการเทคโอเวอร์ครั้งนี้มากมายโดยเฉพาะประเด็นเรื่องการเมืองและสิทธิมนุษยชน กลายเป็นคำถามว่าพวกเขาจะทำการเทคโอเวอร์สำเร็จหรือไม่?

            พวกเราจะรู้ผลการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ในอีก 2 สัปดาห์ แต่ในระหว่างนี้ กลุ่มทุนซาอุฯ ก็ต้องเจอกับกระแสการต่อต้านมากมาย แต่ทว่าความจริงแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เรียกว่า “กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติเจ้าของสโมสร” ซึ่งมีไว้เพื่อตรวจสอบว่าพวกเขาเลือกกลุ่มคนหรือบริษัทให้เป็นเจ้าของทีมอย่างเหมาะสม ซึ่งมันครอบคลุไปถึงภาพลักษณ์ของลีกและสโมสรด้วย

อะไรคือ “กระบวนการตรวจสอบเจ้าของสโมสร” ?

      ริชาร์ด สกูดามอร์ อดีตประธานกรรมการบริหารพรีเมียร์ลีก บอกกับสื่อชื่อดังอย่าง บีบีซี ในปี 2017 ว่า “กระบวนการตรวจสอบเจ้าของทีมคนใหม่ขึ้นอยู่กับ 2 สิ่ง หนึ่งคือต้องดูว่าเขามีประวัติอาชญากรรมหรือไม่ ส่วนอีกหนึ่งสิ่งคือเรื่องการเงิน”

    กฎของพรีเมียร์ลีกมีข้อบังคับของเจ้าของสโมสรตั้งแต่การห้ามมีอิทธิพลกับสโมสรอื่นไปจนถึงการห้ามกระทำความผิดหรือถูกตั้งข้อหาเกี่ยวกับธุรกิจจนถูกจับ ที่ผ่านมาเจ้าของทีมที่ไม่สามารถผ่านการตรวจสอบดังกล่าวมีค่อนข้างน้อย โดย สกูดามอร์ บอก ว่าช่วงทศวรรษที่ผ่านมาเคยมีกรณีที่ไม่ผ่านการตรวจสอบอยู่ประมาณ 10 กรณีด้วยกัน

 

       ประเด็นปัญหาของกลุ่มทุนซาอุ

 

โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน
โมฮัมหมัด บิน ซัลมาน

 

 

   องค์กรสิทธิมนุษยชนได้เขียนจดหมายถึง ริชาร์ด มาสเตอร์ส ริชาร์ด มาสเตอร์ ซีอีโอของพรีเมียร์ลีกคนปัจจุบัน และมาร์ค บัลลิงแฮม ซีอีโอของสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเพื่อให้เน้นย้ำให้มีการตรวจสอบสองส่วน

    โดยข้อแรก พวกเขาอ้างว่าเจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งประเทศซาอุดิอาระเบีย ซึ่งเป็นประธานของกลุ่มทุนซาอฯ อาจใช้อำนาจในการสร้างอิทธิพลกับสโมสรอื่น โดยในกรณีนี้คือ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ซึ่งมีเจ้าของทีมเป็นเจ้าชาย อับดุลลาห์ บิน มูซาอัด สมาชิกราชวงศ์ ซาอุดีอาระเบีย

และยังอาจรวมถึงทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งองค์กรสิทธิมนุษยชนบอกว่า ชีค ฮาเหม็ด บิน ซาเย็ด ซีอีโอของเอติฮัดและเจ้าของสโมสร “เรือใบสีฟ้า” เป็นพันธมิตรกับเจ้าชาย บิน ซัลมาน ด้วย

 

ชีค ฮาเหม็ด บิน ซาเย็ด
ชีค ฮาเหม็ด บิน ซาเย็ด

 

 

  และอีกหนึ่งข้อเป็นการอ้างถึงการกระทำของมกุฎราชกุมารจะถือเป็นการรุกรานสหราขอาณาจักร โดยไม่คำนึงว่า มันเป็นการกระทำผิดหรือไม่

  องค์กรสิทธิมนุษยชน และแอมเนสตี้ (องค์การนิรโทษกรรมสากล) อ้างว่า ราชวงศ์ของซาอุดิอาระเบียเคยมีข่าวการละเมิดสิทธิมนุษยชนหลายครั้ง รวมถึงในเดือนตุลาคมปี 2018 เจ้าชาย บิน ซัลมาน มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหาร จามาล คาชูจกิ นักข่าวรายหนึ่งที่มักจะวิจารณ์รัฐบาลซาอุดิอาระเบียในสถานกงสุลซาอุฯ

   แล้วกลุ่มทุนซาอุจะผ่านการตรวจสอบหรือไม่?

  ถ้าคุณคิดว่าที่กล่าวด้านบนมาเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้การเทคโอเวอร์ล้มเหลวลองมาพิจารณากรณีเหล่านี้กันดีกว่า

   คาร์สัน เยือง หนุ่มนักธุรกิจเข้ามาเป็นเจ้าของทีมเบอร์มิงแฮมในปี 2009 ผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเจ้าของทีมพรีเมียร์ลีกเป็นที่เรียบร้อย ทว่าเขาถูกตำรวจจับกุมหลังตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีฟอกเงินซึ่งต่อมาเขาถูกตัดสินจำคุกในปี 2014 จะเห็นช่วงนี้เขาเข้ามาเทคโอเวอร์ไม่มีการตั้งข้อหาแต่อย่างใด

 

 

องค์กรสิทธิมนุษยชน และแอมเนสตี้
องค์กรสิทธิมนุษยชน และแอมเนสตี้

 

 

    นิค เดอ มาร์โก นักกฎหมายทางการกีฬา กล่าวว่า “มันต้องมีการเชื่อมโยงกันชัดเจนระหว่างตัวบุคคลกับความผิด และบุคคลนั้นต้องได้รับการตัดสินในศาลยุติธรรมหรือศาลบางแห่ง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากมากที่จะเห็นว่าพวกเขาจะล้มเหลวในการตรวจสอบ”

“และในตอนนี้ผมยังไม่เห็นช่องทางที่การเทคโอเวอร์ครั้งนี้จะไม่ผ่าน แม้ว่าผู้คนมากมายจะอยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้นก็ตาม”

    กรณีของการเทคโอเวอร์นิวคาสเซิ่ลครั้งนี้ รัฐบาลของสหราชอาณาจักรไม่สามารถมีส่วนเกี่ยวข้องได้แม้จะมีทำการค้ากับ ซาอุดิ อาระเบีย อยู่ก็ตาม โอลิเวอร์ โดว์เด็น เลขานุการวัฒนธรรมก็กล่าวว่าการเทคโอเวอร์นั้นขึ้นอยู่ดับพรีเมียน์ลีก รัฐบาลจะไม่หยิบยื่นมือเข้ามาในเรื่องนี้

นิวคาสเซิ่ล จะถูกใช้เป็นเครื่องมือ?

  สำหรับการตรวจสอบจากแฟนบอลนิวคาสเซิ่ล ดูเหมือนว่าเจ้าของคนใหม่นี้จะผ่านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยโพลจากสมาชิกของกลุ่มแฟนบอลนิวคาสเซิ่ลทั้งหมด 3,410 คน มีถึง 96.7% ที่ต้องการให้มีการเทคโอเวอร์

 

 

นิค เดอ มาร์โก นักกฎหมายทางการกีฬา กล่าวว่า “มันต้องมีการเชื่อมโยงกันชัดเจนระหว่างตัวบุคคลกับความผิด
นิค เดอ มาร์โก นักกฎหมายทางการกีฬา กล่าวว่า “มันต้องมีการเชื่อมโยงกันชัดเจนระหว่างตัวบุคคลกับความผิด

 

 

    นิโคลาส แมคจีฮาน นักวิจัยจากองค์กรสิทธิมนุษยชน ออกมาเตือนแฟนบอลว่า “มันยุติธรรมที่แฟนบอลนิวคาสเซิ่ลจะต้องการเงินและความสำเร็จ แต่ความประสงค์ของพวกเขามันไม่ส่งผลดีต่อเหยื่อที่ควรได้รับความยุติธรรมและความรับผิดชอบ นิวคาสเซิ่ลจะถูกใช้เป็นพาหนะในการหนีเรื่องที่เกิดขึ้น”

“เราต้องมีการถกเถียงกันอย่างจริงเกี่ยวกับเจ้าของสโมสร ตอนนี้มีเจ้าของที่ไม่มีศีลธรรม และนั่นคือปัญหา แต่รัฐบาลไม่สามารถเข้ามาจัดการเรื่องนี้ได้”

“หากพวกเขาผ่านการตรวจสอบมันจะเป็นการแบบอย่างที่อันตรายมากๆ แล้วเราจะหยุดเจ้าชายซาอุอีกพระองค์หนึ่งให้มาฮุบอีกสโมสรได้อย่างไร?”