ความแปลกใหม่ของการมีบรูโน

ก่อนที่จะเบรกหนีโรคระบาดโควิด 19 ไปเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทีมที่ร้อนแรงที่สุดทีมหนึ่งในทวีปยุโรปคงต้องยกให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทีมดังจากเกาะอังกฤษ ที่หลังจากมีการเสริมทัพในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ที่ได้ บรูโน่ แฟร์นันดส์ กองกลางทีมชาติโปรตุเกส กับโอเดี้ยน อิกาโล่ กองหน้าทีมชาติไนจีเรียมาร่วมทีม ฟอร์มการเล่นของทีม “ปีศาจแดง” ก็ดีอย่างต่อเนื่อง และกำลังไปได้สวยทั้งการตามล่าอันดับ 4 ในพรีเมียร์ลีก ศึกเอฟเอ คัพที่ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปเรียบร้อยแล้ว รวมถึงในศึกยูโรป้า ลีกก็รอเข้ารอบหลังจากบุกไปถล่มคู่แข่งคาบ้านที่ออสเตรียมา 5-0 ก่อนที่จะมีการประกาศเลื่อนการแข่งขันออกไป ซึ่งทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่แพ้ใครติดต่อกันมาแล้วถึง 11 นัดในทุกรายการ ซึ่งใกล้เคียงกับสถิติในตอนที่โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์เข้ามาคุมทีมรักษาการเมื่อช่วงปลายปี 2018 ต่อมาถึงต้นปี 2019 ด้วย ซึ่งตอนนี้ฟอร์มของพวกเขาน่าจะดีกว่าตอนนั้นเสียด้วยซ้ำ เสียดายที่ต้องมีเหตุให้เลื่อนการแข่งขันออกไปเสียก่อน

นักเตะที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดคว้าตัวมาใหม่ในช่วงตลาดซื้อขายหน้าหนาวที่ผ่านมา ต่างทำผลงานกันได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งโอเดี้ยน อิกาโล่ ที่ทำไปแล้วถึง 5 ประตูจากฟุตบอลถ้วย 2 รายการ แม้ว่าจะยังไม่สามารถทำประตูในลีกได้ก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ในเกมพรีเมียร์ลีกนั้นเขาถูกส่งลงสนามมาเป็นตัวสำรองเท่านั้น ทำให้เวลาในสนามน้อยเกินไปที่จะทำประตูได้ แต่ด้วยสไตล์การเล่นของเขาที่ถือว่าแตกต่างจากนักเตะกองหน้าที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีอยู่มาก ทำให่กองหน้าวัย 30 ปีรายนี้เป็นตัวที่สร้างความแปลกใหม่ให้กับแนวรุกของทีม อีกทั้งยังเป็นตัวเปลี่ยนเกมในยามที่ทีมต้องการความแตกต่าง และแปลกใหม่ในแดนหน้าได้อย่างดีอีกด้วย ด้วยทักษะการบังบอล และเก็บบอลที่ดีในแดนหน้า ทำให้มิติเกมรุกในยามที่มีเขาอยู่ในสนามน่าจะแตกต่างจากตอนมีอ็องโตนี่ มาร์กซิยาล เมสัน กรีนวู๊ด หรือมาร์คัส แรชฟอร์ดอย่างแน่นอน

นักเตะอีกรายหนึ่งที่เข้ามาในช่วงเดือนมกราคม และสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับทีม “ปีศาจแดง” ได้ในทันทีเลยก็ว่า บรูโน่ แฟร์นันดส์ กองกลางดีกรีทีมชาติโปรตุเกสจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่ตอนซื้อตัวมาร่วมทีมนั้นอาจจะมองว่าราคาค่าตัวของเขาค่อนข้างสูงมากเกินไปหน่อย แต่หลังจากที่ได้เห็นการเล่น และความก้าวหน้าของทีมแล้ว ต้องบอกเลยว่าเป็นการซื้อที่คุ้มที่สุดในรอบหลายปีของสโมสรเลยทีเดียว เพราะอดีตกัปตันทีมของลิสบอนรายนี้เข้ามาเปลี่ยนแปลงเกมรุกให้กับทีมจากหน้ามือ เป็นหลังมือเลยก็ว่าได้ ซึ่งก่อนหน้านี้นั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่มีนักเตะในสไตล์เพลย์เมคเกอร์อยู่ในทีม แต่พอมี บรูโน่ แฟร์นันดส์ เข้ามานั้น ทำให้การเล่นของเขานั้นดูน่าตื่นตาตื่นใจในทันที ไม่ใช่เพราะเขาเป็นสุดยอดนักเตะของโลกในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์เหมือนอย่างเควิน เดอ บรอยน์ ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้แต่อย่างใด แต่เพราะว่าเป็นนักเตะในสไตล์ที่ทีมไม่มีมานานแล้วนั่นเอง เพราะช่วงครึ่งฤดูกาลแรกนั้น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่มีนักเตะตัวสร้างสรรค์เกมแบบนี้มาก่อน ทำให้แนวรุกของทีมนั้นมักจะไปกันไม่เป็น ในยามที่คู่แข่งลงไปกองกันหน้าประตู ทำให้สุดท้ายพวกเขาก็มักจะแจกแต้มให้กับทีมที่เล่นแผนการนี้เป็นประจำ แต่การมาของ บรูโน่ แฟร์นันดส์ นั้นสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน เพราะดาวเตะวัย 25 ปีรายนี้มีทั้งการยิงไกลที่ดี การผ่านบอลที่สร้างสรรค์ และยังสามารถลากตะลุยไปเองได้ด้วย ทำให้คู่แข่งนั้นจับทางทีม “ปีศาจแดง” ได้ยากกว่าเดิมมาก และเป็นที่มาที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกำลังไปได้สวยอยู่ในเวลานี้

บรูโน่ แฟร์นันดส์
บรูโน่ แฟร์นันดส์

 

การมาของบรูโน่ แฟร์นันดส์ นั้นได้ส่งผลกระทบถึงนักเตะที่เคยได้รับโอกาสลงสนามเป็นกองกลางตัวรุกของทีมก่อนหน้านี้ 2 คน ทั้งเจสซี่ ลินการ์ด และอันเดรส เปร์เรร่า 2 ดาวเตะที่สาวก “เรด อาร์มี่” แช่งชักหักกระดูกกันมาอย่างยาวนาน เพราะฟอร์มการเล่นของเด็กปั้นของสโมสรทั้ง 2 รายนี้นั้นไม่เป็นชิ้นเป็นอันเอาเสียเลย ไม่ว่าจะเป็นสถิติการผ่านบอลให้เพื่อนทำประตู หรือว่าการทำประตูเองนั้นแทบเป็นศูนย์ รวมถึงการสร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนทำประตูด้วย ซึ่งสถิติเหล่านี้ถือว่าเป็นสถิติที่บ่งชี้ที่สำคัญที่สุดในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์ของทีม แต่ว่ากลับทำได้อย่างย่ำแย่ทั้งในเรื่องของตัวเลข รวมถึงการดูด้วยตาเปล่าจากแฟนบอล ซึ่งการมาของบรูโน่นั้นก็ได้ส่งผลกระทบกับทั้งเจสซี่ ลินการ์ด และอันเดรส เปร์เรร่าโดยตรง โดยดาวเตะทั้ง 2 รายเริ่มห่างหายไปจากรายชื่อผู้เล่นที่ไปเก็บตัวกันที่โรงแรมโลวรี่ ที่เป็นสถานที่นัดรวมผลของนักเตะที่มีโอกาสจะได้เล่นในเกมนั้นๆ ซึ่ง 2 รายนี้เริ่มห่างหายไปจากทีมชุดใหญ่ทีละเล็กละน้อย โดยมีโอกาสติดเป็นตัวสำรองบ้างในบางนัด โดยเพราะในเกมฟุตบอลถ้วย ที่หากเจอคู่แข่งที่ไม่เหนือบากกว่าแรงก็จะได้โอกาสลงสนามบ้าง อย่างเช่นในศึกเอฟเอ คัพที่พบกับดาร์บี้ เคาน์ตี้ หรือศึกยูโรป้า ลีกที่พบกับลาสค์ ลินซ์เป็นต้น

ด้วยการที่ค่อยๆ ถูกลดความสำคัญลงเช่นนี้ ซึ่งถือว่าเป็นผลดีสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งเห็นได้จากผลงานของทีมในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่เจสซี่ ลินการ์ด และอันเดรส เปร์เรร่าเริ่มห่างหายจากการลงสนามเป็นตัวจริงของทีมพอดี จะเห็นได้ว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีผลงานที่ดีขึ้นชัดเจน ซึ่งมันเหมือนกับเป็นคำตอบทางอ้อมก็ว่าได้ว่า 2 ดาวเตะนี้นั้นกำลังจะหมดอนาคตในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดในเร็ววันนี้ ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงมากกว่าอาจจะต้องถูกขายออกจากทีมหลังจบฤดูกาลนี้ หรือเต็มที่อาจจะเก็บไว้เพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และคนที่อยู่กับทีมต่อไปนั้นอาจจะต้องยอมรับบทบาทในการเป็นตัวสำรองแบบเต็มตัวในฤดูกาลหน้าอีกด้วย ซึ่งคาดการณ์กันว่าคนที่น่าจะต้องออกจากทีมไปแน่ๆ ก็คือเจสซี่ ลินการ์ดนั่นเอง เนื่องจากเจ้าตัวเหมือนว่าจะเริ่มรู้ตัวแล้วด้วยการเปลี่ยนเอเย่นต์มาเป็นมิโน่ ไรโอล่า ยอดเอเย่นต์ผู้มีเส้นสายอย่างกว้างขวางกับหลายทีมในกัลโช่ เซเรีย อา ซึ่งคาดว่าจะหาทีมใหม่ให้กับเขาได้หลังจบฤดูกาลนี้ ปัญหาติดตรงที่ค่าเหนื่อยของลินการ์ดนั้นอยู่ที่ประมาณ 1 แสนปอนด์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างแพงกับทีมจากประเทศอิตาลี ทำให้โอกาสในการย้ายทีมของดาวเตะวัย 27 ปีรายนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ส่วนอันเดรส เปร์เรร่านั้น ด้วยค่าเหนื่อยที่ไม่ได้แพงมากนักแต่อย่างใด และเขายังสามารถเล่นได้หลายตำแหน่งในแดนกลาง ถึงแม้ว่าอาจจะไม่ได้เล่นดีก็ตาม แต่เขายังพอเป็นอะไหล่หมุนเวียนในยามที่มีนักเตะหลายคนบาดเจ็บได้ ทำให้ดาวเตะบราซิเลี่ยนรายนี้ยังพอมีโอกาสที่จะได้โอกาสในการค้าแข้งกับทีมต่อไปในฤดูกาลหน้าอีกอย่างน้อย 1 ปี

บรูโน่ แฟร์นันดส์นั้นเป็นนักเตะในประเภทที่ไม่ต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับการเล่นในพรีเมียร์ลีกเหมือนนักเตะคนอื่นที่ย้ายมาใหม่ ซึ่งเหมือนเขาสามารถลงสนามให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้อย่างทันที และค่อยๆ ซึ่งด้วยการที่เขามีบุคลิกความเป็นผู้นำในสนามค่อนข้างสูง ซึ่งจะเห็นได้จากการชี้สั่งการเพื่อนร่วมทีมในการเพรสซิ่ง หรือการวิ่งไปในพื้นที่ว่าง ทำให้เขาเหมือนมาเป็นผู้นำในแดนหน้าของทีม ส่วนแดนหลังนั้นก็เป็นหน้าที่ของแฮร์รี่ แม็คไกวร์ กัปตันทีมตัวจริง วึ่งแบ่งหน้าที่กันได้อย่างชัดเจน และทำให้ทีมกำลังลงตัวอยู่ในขณะนี้