3 ทีมรอด 3 ทีมร่วง!

ศึกพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาลนี้ในส่วนของการลุ้นแชมป์นั้นหมดสนุกไปนานแล้ว ส่วนที่ยังน่าสนใจในช่วงท้ายฤดูกาลนี้จะเหลือเพียงโควตาไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส ลีก ที่ดูเหมือนจะเหลืออันดับที่ 4 ที่เชลซีครองอยู่ในเวลานี้เท่านั้นที่โอกาสยังเปิดกว้างให้กับผู้ตามอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด วูล์ฟส์แฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส หรือว่าท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ก็ตาม ที่ดูเหมือนจะสุดเอื้อมแค่อันดับที่ 4 เท่านั้น เพราะความห่างของอันดับ 3 อย่าง เลสเตอร์ซิตี้ นั้นยังเหลืออีกเยอะ หลังจากที่โกยคะแนนมาเต็มเหนี่ยวตั้งแต่ช่วงต้นๆ ฤดูกาล ทำให้สถานการณ์ของทีม “จิ้งจอกสยาม” ในตอนนี้นั้นค่อนข้างลอยตัวกับการที่จะไปเล่นฟุตบอลถ้วยใหญ่ของยุโรปในฤดูกาลหน้า ส่วนอีกโควตาที่ยังต้องลุ้นกันตัวโก่ง และอาจจะต้องลุ้นไปจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาลเลยก็คือการลุ้นหนีตกชั้นนั่นเอง ซึ่งเป็นโซนที่ลุ้นกันอย่างดุเดือดในแทบทุกฤดูกาล พรีเมียร์ลีก เพราะมันมีเดิมพันก้อนใหญ่ถึงหลัก 100 ล้านปอนด์เลยทีเดียว สำหรับทีมที่ได้อยู่รอดใน พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลถัดไป ซึ่งในฤดูกาลนี้นั้นจนถึงตอนนี้แม้ว่าฤดูกาลจะหยุดไปชั่วขณะหลังจากมีไวรัสโควิด 19 กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้

แต่คาดว่า พรีเมียร์ลีกจะกลับมาเตะกันต่ออย่างแน่นอน ซึ่งยังมีถึง 6 ทีมที่อยู่ในข่ายกับการลุ้นหนีตกชั้นในฤดูกาลนี้ อันประกอบไปด้วย นอริชซิตี้ที่รั้งบ๊วยของตาราง แอสตัน วิลล่า อร์นมัธ วัตฟอร์ด เวสต์แฮม ยูไนเต็ด และไบรท์ตัน ซึ่ง 6 ทีมในนี้จะมีเพียง 3 ทีมเท่านั้นที่จะสมหวังอยู่รอดในพรีเมียร์ลีกต่อไป และอีก 3 ทีมต้องไปเริ่มต้นกันใหม่ในศึกแชมเปี้ยนชิปฤดูกาลหน้า ซึ่งก็มีหลายทีมเลยทีเดียวที่พอตกชั้นไปแล้วก็เป๋ และหาทางกลับสู่ พรีเมียร์ลีก ไม่เจอ และก็ต้องตกชั้นไปเล่นในลีก วันเลยด้วยซ้ำ อย่างเช่นแบล็คเบิร์น โรเวอร์สเป็นต้น หรือว่าก่อนหน้านี้ก็มีวีแกน แอตเลติก รวมถึงลีดส์ ยูไนเต็ดก็เคยเป็น เช่นนั้น ก่อนที่จะกลับมาตั้งลำได้แล้วในตอนนี้

-นอริช

ซิตี้นั้นเป็นทีมแชมป์ระดับแชมเปี้ยนชิปเมื่อฤดูกาลที่แล้ว แต่พอได้เลื่อนชั้นมาสู่ พรีเมียร์ลีก แล้วพวกเขาไม่มีการปรับสภาพทีมให้มีความแข็งแกร่งเพิ่มจากฤดูกาลที่แล้วแต่อย่างใด โดยพวกเขาพยายาที่จะใช้นักเตะชุดเดิมจากปีที่แล้วเป็นหลัก ที่นำโดยติมู ปุคกี้ กองหน้าชาวฟินแลนด์ที่เป็นดาวซัลโวของทีมเมื่อปีที่แล้ว และด้วยความห่างชั้นระหว่างลีกรอง กับ พรีเมียร์ลีก นั้นก็ทำให้ นอริชซิตี้ ไม่สามารถต่อกรกับบรรดาทีมที่ใช้เงินหนาลงทุนในพรีเมียร์ลีกได้เลย ทำให้พวกเขากลายเป็นทีมที่จองศาลา และจองโควตาตกชั้นมาแต่เนิ่นๆ เลยด้วยซ้ำ แม้ว่าตอนนี้พวกเขาจะยังมีโอกาสอยู่รอดอยู่ก็ตาม แต่ก็ถือว่าลำบากมากในทางปฏิบัติที่พวกเขาไม่มีผู้เล่นที่จะมาฝากความหวังในยามคับขันได้ซักราย

-แอสตัน วิลล่า

ทีมที่ไปได้สวยในฟุตบอลคาราบาว คัพในฤดูกาลนี้ จนถึงขั้นเข้าไปชิงชนะเลิศกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ได้ด้วย โดยการหัก เลสเตอร์ซิตี้ ผ่านเข้าไปชิงได้สำเร็จ แม้ว่าจะไปพ่ายให้กับทีม “เรือใบสีฟ้า” ในรอบชิงชนะเลิศ 1-2 ก็ตาม แต่พวกเขาก็ถือว่าสู้ได้สมศักดิ์ศรีทีเดียว แต่ว่าผลงานในลีกของทีม “สิงห์ผยอง” นั้นถือว่าไม่สู้ดีเอาเสียเลย เมื่อต้องกลายมาเป็นทีมในโซนตกชั้นเรียบร้อยแล้วในตอนนี้ ถึงแม้ว่าจะมีเกมที่ยังแข่งน้อยกว่าทีมอื่นอยู่ 1 นัดก็ตาม แต่ทีมในระดับท้ายตารางแล้วการมีเกมอยู่อีก 1 นัดไม่ได้เป็นหมายความว่าพวกเขาจะมีโอกาสเก็บ 3 คะแนน ได้เหมือนอย่างที่ทีมหัวตารางทำ ซึ่งทำให้ตอนนี้แอสตัน วิลล่ายังคงเสียเปรียบทีมอื่นอยู่ 2 คะแนนตามตารางเช่นเดิมไปก่อน ก่อนที่พวกเขาจะเก็บชัยชนะในนัดตกค้างได้สำเร็จ ซึ่งวิลล่าเป็นอีก 1 ทีมที่ได้เลื่อนชั้นขึ้นมาจากแชมเปี้ยนชิป แต่พวกเขาต่างจาก นอริชซิตี้ ตรงที่พยายามทุ่มเงินอย่างเต็มที่ซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีมเกิน 10 รายรวมทั้ง 2 ตลาดซื้อขายนักเตะ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่เล่นงานนักเตะของพวกเขาไปทีละคน ทำให้ฟอร์มของทีมไม่ต่อเนื่องเลยตั้งแต่ข้ามช่วงปีใหม่มานี้ ถึงแม้ว่าแจ็ค กรีลิช เพลย์เมคเกอร์คนสำคัญของทีมจะยังลงสนามช่วยทีมได้อยู่ตลอดก็ตาม แต่เขาคนเดียวก็ไม่สามารถแบกแอสตัน วิลล่าไปได้ไกลกว่านี้ หากว่าไม่มีโรบินที่จะเข้ามาช่วยเหลือต่อจากนี้

-บอร์นมัธ

เป็นทีมที่มีเกมรุกดุดันมาโดยตลอด และฤดูกาลนี้ก็เช่นกันที่เอ็ดดี้ ฮาว ก็ยังคงทำทีมสไตล์เดิม แต่ด้วยผลงานที่ดร็อปลงไปจากนักเตะในแนวรุก ทั้งไรอัน เฟรเซอร์ ตัวรุกทีมชาติสก็อตแลนด์ และคัลลั่ม วิลสัน กองหน้าดีกรีทีมชาติอังกฤษ ที่นัดกันฟอร์มตกอย่างน่าใจหาย รวมถึงการบาดเจ็บหนักของเดวิด บรู๊คส์ ตัวรุกดาวรุ่งทีมชาติเวลส์อีกราย ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพในแนวรุกของบอร์นมัธลดลงไปอย่างชัดเจน ทำให้พวกเขาได้รับผลการแข่งขันที่ไม่เป็นใจมาโดยตลอด จนทำให้ตอนนี้พวกเขาหนีจากกลุ่มหนีตกชั้นไม่ได้เสียที

พรีเมียร์ลีก
พรีเมียร์ลีก

 

-วัตฟอร์ด

เป็นทีมที่แน่นิ่งอยู่เป็นบ๊วยของตารางอยู่นานตั้งแต่เปิดฤดูกาล และมีการเปลี่ยนกุนซือจาก ฆาบี กราเซีย มาเป็น กิเก้ ซานเชส ฟลอเรซ ก็แล้ว ก็ไม่สามารถทำให้ทีมมีผลงานที่กระเตื้องขึ้นได้เลย จนกระทั่งได้ไนเจล เพียร์สัน อดีตกุนซือของเลสเตอร์ ซิตี้เข้ามาคุมทีมเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมปีที่แล้วท ทีม “แตนอาละวาด” ก็เริ่มโกยคะแนนได้เป็นกอบเป็นกำ จนทำให้พวกเขาหนีบ๊วยได้สำเร็จ และมีช่วงหนึ่งไปอยู่ในโซนปลอดภัยได้

ด้วยซ้ำ แต่ว่าวัตฟอร์ดก็มีช่วงแพ้ติดต่อกันหลังจากนั้น ทำให้ต้องกลับมาป้วนเปี้ยนในโซนท้ายตารางอีกครั้ง ถึงแม้ว่าพึ่งจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งไปในตอนที่พวกเขาปลดล็อคเอาชนะลิเวอร์พูลไปได้ถึง 3-0 ในช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็ตาม

-เวสต์แฮม ยูไนเต็ด

ทีม “ขุนค้อน” ที่ตัดสินใจปลดมานูเอล เปเญกรินี่ออกจากตำแหน่ง และให้ เดวิด มอยส์ อดีต กุนซือเอฟเวอร์ตัน และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเข้ามาคุมทีมแทน และเปิดตัวได้อย่างสวยหรูด้วยการเปิดรังลอนดอน สเตเดี้ยมถล่มบอร์นมัธไป 4-0 แต่หลังจากนั้นมาพวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะใครได้อีกเลยนาน 2 นาน ก่อนที่จะมาเก็บชัยชนะได้อีกครั้งในนัดที่พบกับเซาธ์แฮมป์ตันเมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์เช่นกัน          ซึ่งในยุคของมอยส์นั้นเขามีการเปลี่ยนแปลงทีมไปพอสมควร โดยไปให้บทบาทกับ มิคาเอล อันโตนิโอ ในแดนหน้าอย่างเต็มที่ ซึ่งด้วยความแข็งแรง และมีความเร็ว ทำให้อันโตนิโอสามารถสร้างความอันตรายให้กับทีมคู่แข่งได้บ่อยครั้ง แต่สุดท้ายแล้วก็มักจะไปตกม้าตายในจังหวะสุดท้ายเสมอ ซึ่งเขาทำเสียของไปหลายลูกมาก ซึ่งดูอย่างนัดที่พวกเขาบุกไปแพ้ให้กับอาร์เซน่อลก็จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาทำโอกาสทองหลุดมือไปหลายครั้งจนทำให้ทีมแพ้ไปในที่สุด

-ไบรท์ตัน

เป็นทีมที่เริ่มต้นฤดูกาลได้อย่างยอดเยี่ยมกับกุนซือใหม่อย่างแกรม พ็อตเตอร์ ที่ได้รับคำชมเป็นอย่างยิ่งกับผลงานการทำทีมที่ผ่านมาของเขาทั้งในลีกสวีเดน รวมถึงในระดับ แชมเปี้ยนชิป แต่พอเล่นไปเล่นมาแล้วไบรท์ตันก็เริ่มยวบลงเรื่อยๆ และตั้งแต่ก้าวเข้าสู่ปี 2020 ไบรท์ตันไม่สามารถเก็บชัยชนะได้แม้แต่นัดเดียว โดยหนสุดท้ายที่ทีมเก็บชัยชนะได้สำเร็จต้องย้อนไปถึงปลายปีที่แล้วที่เปิดบ้านเอาชนะบอร์นมัธไปได้ 2-0 แต่หลังจากนั้นมาพวกเขามีแต่เสมอกับแพ้เท่านั้น ทำให้คะแนนห่างจากโซนตกชั้นในตอนนี้เพียง 2 คะแนน