แนวรับสิงห์ที่อาจต้องเปลี่ยนยกแผง!
ทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” เชลซี ทีมดังของพรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้นั้น ที่ถึงแม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงตัวกุนซือจากเมาริซิโอ ซาร์รี่มาเป็นกุนซือประสบการณ์น้อยอย่างแฟรงค์ แลมพาร์ดในช่วงต้นฤดูกาล แต่พวกเขาก็ยังสามารถรั้งอันดับที่ 4 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีกไว้ได้อย่างเหนียวแน่น
ซึ่งก็เพราะพวกเขามีแนวรุกที่ค่อนข้างดี และสามารถทำประตูได้อย่างต่อเนื่องตลอด และผลงานของแทมมี่ อบราฮัม กองหน้าตัวเป้าของทีมที่ทำผลงานได้ดีกว่าที่คาดหวังไว้เยอะ ทำให้พวกเขายังอยู่ในเส้นทางที่สโมสรตั้งเป้าไว้ในตอนนั้นฤดูกาลได้ คือการทำอันดับไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลหน้าให้ได้นั่นเอง
ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญที่สุดของเชลซีในฤดูกาลนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าการที่เชลซีสามารถยังรักษาอันดับที่ 4 ของตารางได้นั้นไม่ได้เป็นเพราะพวกเขาแข็งแกร่งแต่อย่างใด แต่มันเป็นเพราะบรรดาทีมอื่นๆ ที่มีเป้าหมายในการติดท็อป 4 ต่างก็ฟอร์มตก และทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นอาร์เซน่อล ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ รวมถึงแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดด้วย ทำให้ทีม “สิงโตน้ำเงินคราม” ยังคงมีสถานการณ์ที่ดีอยู่ในเวลานี้ เพราะเชลซีนั้นมีช่วงเวลาที่ไม่ชนะใครติดต่อกันหลายนัดเช่นกันในช่วงปลายปีที่แล้ว แต่ด้วยการกักตุนคะแนนไว้เยอะในช่วงต้นฤดูกาล ทำให้พวกเขายังสามารถอยู่ในอันดับที่ดีได้อยู่ในเวลานี้
ด้วยความที่แฟรงค์ แลมพาร์ด นายใหม่ของเชลซีไม่สามารถเสริมทัพได้เนื่องจากการที่พวกเขาไปถูกฟีฟ่าสั่งแบนห้ามลงทะเบียนนักเตะใหม่เป็นเวลา 2 ตลาดซื้อขาย หรือว่า 1 ปีจากการที่ไปคว้าตัวดาวรุ่งมาอย่างผิดกฏ ทำให้ถูกลงโทษดังกล่าว ทำให้เชลซีถูกบังคับให้ใช้นักเตะที่พวกเขามีอยู่เท่านั้น
ซึ่งส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงเลยทีเดียว โดยเฉพาะในแนวรับที่ไม่ได้แข็งแกร่งอยู่ก่อนหน้านี้อยู่แล้ว และบวกกับการที่แฟรงค์ แลมพาร์ดตัดสินใจขายดาวิด ลุยซ์ ปราการหลังทีมชาติบราซิลออกไปให้กับอาร์เซน่อล ทีมคู่ปรับร่วมเมืองก่อนเริ่มต้นฤดูกาลไม่กี่วันด้วย ก็ยิ่งทำให้แนวรับของเชลซีมีปัญหาเข้าไปใหญ่
ซึ่งในช่วงต้นฤดูกาลนั้นอดีตกองกลางระดับตำนานของสโมสรรายนี้นั้นพยายามที่จะใช้คูร์ต ซูม่า กองหลังชาวฝรั่งเศสที่กลับมาจากการยืมตัวจากเอฟเวอร์ตันลงสนามเป็นตัวจริง โดยพยายามจะให้จับคู่กับอันเดรส คริสเตียนเซ่น กองหลังทีมชาติเดนมาร์ก
แต่แค่นัดแรกของฤดูกาลเท่านั้นก็เละไม่เป็นท่า เมื่อพวกเขาบุกไปแพ้ให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแบบหมดสภาพ 0-4 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่บีบบังคับมาก เพราะในตอนนั้นอันโตนิโอ รูดิเกอร์ ปราการหลังทีมชาติเยอรมันมามีปัญหานักเตะบาดเจ็บพอดี ส่วนฟิคาโย่ โทโมริ กองหลังดาวรุ่งก็ดูจะยังเด็กเกินไปกับพรีเมียร์ลีก ซึ่งเชลซีประสบปัญหาในแนวรับหนักมากในตอนนั้น
และต่อมาเมื่อรูดิเกอร์หายเจ็บเขาก็ได้กลับมาเป็นตัวจริงทันที และกลายเป็นคูร์ต ซูม่าที่หลุดออกจากทีมไป เมื่อเขาพลาดหลายครั้งมากในตอนนั้น แต่ภาพรวมของแนวรับเชลซีก็ไม่ได้ดูดีขึ้นเท่าไหร่นัก เมื่อยังไม่สามารถหยุดเลือดไหล หรือว่าการเสียประตูได้เท่าไหร่ จนทำให้แฟรงค์ แลมพาร์ดต้องมีการเปลี่ยนระบบการเล่นมาเป็นการเล่นแบบมีปราการหลังตัวกลาง 3 คน
และมีวิงแบ็คแทนในช่วงก่อนที่จะหยุดเบรคหนีไวรัสโคโรน่าไป ซึ่งก็ทำให้ผลงานของเชลซีดีขึ้นมาเล็กน้อย แต่พวกเขาก็ยังเป็นทีมที่เสียประตูง่ายอยู่ดี แม้ว่าก่อนพักเบรกในช่วง 2 นัดหลังสุด พวกเขาจะสามารถรักษาคลีนชีตได้ในนัดที่ชนะลิเวอร์พูล 2-0 และถล่มเอฟเวอร์ตัน 4-0 ก็ตาม
ไม่ใช่แค่ตำแหน่งปราการหลังตัวกลางเท่านั้นที่เชลซี มีปัญหา แต่ยังรวมไปถึงตำแหน่งแบ็คซ้ายด้วย ซึ่งหากว่าพวกเขาจะกลับมาใช้ระบบกองหลัง 4 คนอีกครั้ง อาจจะต้องมีการซื้อนักแตะเข้ามาเสริมทีมใหม่ เพราะมาร์กอส อลอนโซ่นั่นแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาเล่นดีแค่ในระบบ 3-5-2 เท่านั้น
เพราะเขาถนัดในการเติมเกมรุกมากกว่าเล่นเกมรับในตำแหน่งแบ็คซ้าย ส่วนแบ็คขวานั้นอาจจะต้องดูสถานการณ์อีกที เพราะตอนนี้พวกเขาดันรีซ เจมส์ แบ็คขวาดาวรุ่งอนาคตไกลให้ขึ้นมาเป็นผู้เล่นชุดใหญ่เรียบร้อยแล้ว และทำผลงานได้ค่อนข้างดีทีเดียวในช่วงที่ผ่านมา และยังมีเซซ่าร์ อัซปิริกวยต้าเป็นตัวสแตนบายด์ในตำแหน่งนี้อยู่แล้วด้วย ทำให้อาจจะเป็นตำแหน่งเดียวที่ทีมยังไม่ต้องเสริมทัพในแนวรับหลังจบฤดูกาลนี้
เชลซีวางแผนไว้แล้วว่าพวกเขาจะเสริมทัพอย่างหนักหน่วงหลังจบฤดูกาลนี้ เพราะพวกเขาไม่ยอมเสริมทัพในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา แม้ว่าจะสามารถอุทธรณ์โทษแบนผ่านแล้วก็ตาม ซึ่งคาดว่าแนวรับเป็นตำแหน่งที่พวกเขาจะต้องเสียเงินหนักอย่างแน่นอนในการทำทีมสู้ศึกฤดูกาลหน้า เพราะดูเหมือนะต้องเสริมกองหลังอย่างน้อย 2 คน ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งปราการหลังตัวกลางที่ยังไงแล้วต้องซื้อแน่ๆ อยู่ที่ว่าจะ 1 หรือ 2 คนเท่านั้น และอีกตำแหน่งคือแบ็คซ้ายที่ทำได้ดีในระบบกองหลัง 4 คนนั่นเอง
