หอกตัวใหม่ของบาร์ซ่า!
ทีมบาร์เซโลน่า ยักษ์ใหญ่ของประเทศสเปน ที่ถึงแม้ว่าในฤดูกาลนี้ที่ยังแข่งขันกันไม่จบ พวกเขาจะยังคงเป็นจ่าฝูงของศึกลา ลีก้าสเปนอยู่ แต่ว่าก็ยังมีข่าวลือเล็ดลอดออกมาตลอด ในช่วงที่หยุดพักหนีเชื้อโควิด 19 ไปว่าพวกเขากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่ หลังจบฤดูกาลนี้ ซึ่งพวกเขามีแพลนที่จะโละทิ้งนักเตะหลายคน เพื่อนำเงินมาสมทบทุนซื้อนักเตะในตำแหน่งที่พวกขาต้องการมาเสริมทีมในฤดูกาลหน้า
และหนึ่งในนั้นจะเป็นนักเตะในตำแหน่งกองหน้าอย่างน้อย 1 คน หรืออาจจะเป็น 2 คนเลยด้วยซ้ำหากว่าสถานการณ์นั้นเอื้ออำนวย และเป็นใจให้กับพวกเขา ซึ่งในฤดูกาลนี้บาร์เซโลน่าประสบปัญหาในการทำประตูทันทีหลังจากการขาดหายไปของหลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าทีมชาติอุรุกวัยที่ได้รับบาดเจ็บไปตั้งแต่ช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา และเขาต้องพักไปถึง 4 เดือนทีเดียว ทำให้หลังจากนั้นมาบาร์เซโลน่า ประสบปัญหาปืนฝืดเป็นอย่างมาก
แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนกุนซือจากเออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้มาเป็นกิเก้ เซเตียนแล้วก็ตาม ซึ่งระบบของกุนซือใหม่นั้นทำให้บาร์เซโลน่า สร้างโอกาสทำประตูได้มากขึ้นกว่าเดิม แต่สุดท้ายแล้วก็ขาดตัวจบสกอร์แบบโป้งเดียวปิดบัญชีไปเมื่อขาดหลุยส์ ซัวเรซ และถึงแม้ว่าอดีตกองหน้าลิเวอร์พูล และอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัมรายนี้จะไม่เจ็บไป บาร์เซโลน่าก็ต้องมีแผนการซื้อนักเตะในตำแหน่งนี้ใหม่อยู่ดี เพราะในฤดูกาลหน้าหลุยส์ ซัวเรซจะมีอายุ 33 ปีแล้ว และน่าจะเล่นด้วยฟอร์มในระดับสูงได้อีกไม่นานหลังจากนี้แล้ว
แพลนเดิมของบาร์เซโลน่า ในช่วงหลังปิดฤดูกาลนี้ คือพวกเขามีแผนจะดึงเนย์มาร์ ตัวรุกทีมชาติบราซิลกลับมาจากปารีส แซงต์ แชร์กแมงให้ได้ในฤดูกาลนี้ ตามเรียกร้องของลิโอเนล เมสซี่ ยอดดาวเตะของสโมสร ที่ให้การสนับสนุนให้เกิดดีลนี้ขึ้นอย่างเต็มที่ แม้ว่าแฟนบอลบาร์เซโลน่าบางส่วนมองว่าไม่ควรจะดึงเนย์มาร์กลับมาร่วมรังคัมป์ นูอีกแล้วก็ตาม
เพราะดาวเตะรายนี้ก็กระสันต์ที่จะย้ายออกจากทีมไปเอง ทำให้มีแฟนบอลบางส่วนที่ยังแอนตี้กับนักเตะค่าตัวแพงที่สุดในโลกรายนี้อยู่ แต่ตัวรุกทางฝั่งซ้ายที่ทรงประสิทธิภาพอย่างเนมาร์นั้นก็เป็นสิ่งที่หาได้ยากมากในตลาดซื้อขายนักเตะเช่นกัน ทำให้พวกเขามีโอกาสที่จะดึงกลับมาร่วมทีมอีกครั้งค่อนข้างมากทีเดียว หากว่าสามารถตกลงค่าตัวกับปารีส แซงต์ แชร์กแมงได้สำเร็จ
ส่วนกองหน้าตัวเป้านั้น ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่บาร์เซโลน่า จะต้องคิดหนักในช่วงปิดฤดูกาลนี้ เพราะหากว่าพวกเขามีแพลนที่จะคว้าตัวเนย์มาร์จริง จะทำให้งบประมาณส่วนใหญ่หมดไปกับดีลนั้นอย่างแน่นอน และการจะหากองหน้าตัวเป้าระดับท็อปของยุโรปมาร่วมทีมได้นั้นเป็นเรื่องยากทันที เว้นเสียแต่ว่าพวกเขามีแผนที่จะปล่อยอ็องตวน กรีซมันน์ กองหน้าทีมชาติฝรั่งเศสออกจากทีมไป ทั้งๆ ที่พึ่งจะได้โอกาสเล่นเพียงแค่ฤดูกาลเดียวเท่านั้น
แม้ว่าผลงานของเขาจะไม่ได้ยอดเยี่ยมอย่างที่คาดหวังก็ตาม แต่ก็ไม่ถึงกับขนาดที่ว่าย่ำแย่แต่อย่างใด ซึ่งการที่หาก บาร์เซโลน่า จะขาย กรีซมันน์ ออกจากทีมก็อาจจะต้องยอมขาดทุนจากตอนที่ทุ่มเงินฉีกสัญญามาจากแอตเลติโก มาดริดที่ค่าตัวสูงถึง 120 ล้านยูโรด้วย แต่หากขายเขาออกจากทีมได้ก็อาจจะทำให้เป้าหมายในการเสริมทัพของบาร์เซโลน่าเป็นไปตามเป้าได้เช่นกัน
เป้าหมายแรกของ บาร์เซโลน่า ในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้าก็คือเลาตาโร่ มาร์ติเนซ กองหน้าดาวรุ่งชาวอาร์เจนไตน์ของอินเตอร์ มิลานนั่นเอง ที่ฤดูกาลนี้เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับทีม “งูใหญ่” ในการประสานงานร่วมกับโรเมลู ลูกากู กองหน้าร่างใหญ่ทีมชาติเบลเยี่ยมในระบบหน้าคู่ ที่เล่นกันได้อย่างเข้าขาลงตัวมากทีเดียว และทำให้ผลงานของอินเตอร์ มิลานในฤดูกาลนี้ดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะมีกุนซือคนใหม่อย่างอันโตนิโอ คอนเต้ด้วย ที่สามารถใช้งานเลาตาโร่ มาร์ติเนซ ได้มีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อฤดูกาลที่แล้วมากทีเดียว
และดาวเตะรายนี้เป็นที่ชื่นชอบ และมีความสนิทสนมกับ ลิโอเนล เมสซี่ ด้วย ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าเมสซี่นั้นมีปากเสียง และพาวเวอร์พอสมควรกับสโมสรบาร์เซโลน่า ซึ่งเวลาเขาสนับสนุน และเอ่ยปากอยากได้ใครมาร่วมทีมนั้น บอร์ดบริหารก็มักจะคล้อยตามด้วย แต่ปัญหาติดตรงที่ค่าตัวของ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ มีการคาดการณ์กันว่าจะต้องเกิน 100 ล้านยูโรอย่างแน่นอน ซึ่งหากว่าพวกเขาจะคว้าตัวทั้งเนย์มาร์ และ เลาตาโร่ มาร์ติเนซ มาร่วมทีมในช่วงปิดฤดูกาลนี้ พวกเขาจะต้องใช้เงินกว่า 300 ล้านยูโรเลยทีเดียว ซึ่งถือว่าเป็นเงินที่เยอะมากกับสถานการณ์ของทีมในช่วงที่ได้รับผลกระทบจากโควิด 19 แบบนี้
แต่บาร์เซโลน่าอาจจะมีแผนสำรองอยู่บ้างก็คือยังมีปิแอร์ อเมริค โอบาเมยัง กองหน้าของอาร์เซน่อลที่ค่าตัวจะถูกกว่าเลาตาโร่ มาร์ติเนซอย่างแน่นอน เพราะสัญญาของเขากับอาร์เซน่อลเหลือเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นหลังจบฤดูกาลนี้