อุทาหรณ์คนไม่กักตัว! ลูกกลับจากเมืองนอกเที่ยวพัทยาต่อ ทำพ่อแม่ติดโควิด-19

อุทาหรณ์คนไม่กักตัว! ลูกกลับจากเมืองนอกเที่ยวพัทยาต่อ ทำพ่อแม่ติดโควิด-19

ขอให้เคสขอนแก่นเป็นอุทาหรณ์ ลูกกลับจากเมืองนอกไม่เที่ยวพัทยาต่อไม่กักตัว ทำพ่อแม่ติด #โควิด19 ต้องกักตัวบุคลากรทางการแพทย์นับร้อย และสั่งปิดหมู่บ้าน

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (COVID-19) หรือ โควิด-19 ในไทย โลกออนไลน์ได้มีการแชร์โพสต์ของบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการที่คนที่มาจากพื้นที่เสี่ยงต้องกักตัวเองเป็นเวลา 14 วัน

โดยยกกรณีเคสผู้ป่วยรายที่ 5 หญิงวัย วัย 63 ปี และชายวัย 70 ปี ผู้ป่วยรายที่ 6 ของจังหวัดขอนแก่น ซึ่งติดเชื้อโควิด-19 หลังจากลูกชายกลับจากต่างประเทศกลับมาบ้าน และไม่ยอมกักตัว แต่ไปเที่ยวพัทยาต่อและกลับมาบ้านที่ขอนแก่นอีกครั้ง ซึ่งทำให้บุคลากรทางการแพทย์ของโรงพยาบาลน้ำพอง และโรงพยาบาลขอนแก่น รวมทั้งหมด 88 คน ต้องกักตัว

วานนี้ (16 เม.ย.) ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Aum Sureewan ได้เล่าเรื่องราวออกตรวจชาวบ้าน พร้อมเตือนให้คนตระหนักถึงการส่งผ่านเชื้อโควิด-19 แบบไม่ได้ตั้งใจให้คนรอบข้าง โดยระบุว่า

อุทาหรณ์คนไม่กักตัว! ลูกกลับจากเมืองนอกเที่ยวพัทยาต่อ ทำพ่อแม่ติดโควิด-19
อุทาหรณ์คนไม่กักตัว! ลูกกลับจากเมืองนอกเที่ยวพัทยาต่อ ทำพ่อแม่ติดโควิด-19

“จากกรณีผู้ป่วยโควิด-19 ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น รายที่ 5 และที่ 6 คุณตาคุณยายสองสามีภรรยา ที่มีอาชีพทำนาอยู่ตามบ้านนอก หาเช้ากินค่ำ และมีโรคประจำตัวคือโรคเบาหวานและโรคความดันโลหิตสูง แล้วอยู่ดีๆ วันนึง คุณตาคุณยายต้องมาป่วยด้วยโรคโควิด-19 ทั้งที่ภารกิจแต่ละวัน ก็แค่ตื่นเช้าเดินลงทุ่งนา ตอนเย็นก็กลับบ้านนอน ชีวิตวนเวียนอยู่แค่นี้

สุดท้ายมันก็มีคนเห็นแก่ตัวมักง่าย ลูกชายแท้ๆ ที่เอาเชื้อโรคมาแพร่ให้คนในบ้าน (ถ้าคุณจะบอกว่าคุณไม่รู้ คุณไม่ได้ตั้งใจ แต่ประวัติการเดินทางของคุณ มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว กลับจากต่างประเทศกลับบ้านเที่ยวพัทยา กลับบ้านแม่ป่วย) บุคลากรต้องกักตัวเองเพราะคุณปกปิดข้อมูลเกือบร้อยคน

คุณรู้ไหมตอนนี้คุณยายอาการโคม่า คุณตายังตอบสนองได้ดีต่อการรักษา แต่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิดโดยทีมแพทย์ รพ.ขอนแก่น ถือเป็นกรณีตัวอย่างได้ดีมาก ในเรื่องของการให้ความสำคัญ ของการกักตัวเอง 14 วัน อย่างเคร่งครัดและไม่ปกปิดข้อมูล

แต่ทำไมเวลาเจ้าหน้าที่ไปบอกหรือเตือนหรือแค่ขอความร่วมมือ เราต้องมาโดนคุณ(บางคน)ด่า ตะคอกใส่ทุกครั้งที่ออกพื้นที่ไปหาคุณ เราแทบคลานแทบหมอบไหว้ไปตั้งแต่ประตูบ้าน ไม่ใช่กลัวโรค แต่เราต้องการแสดงถึงความเป็นมิตร อยากลดความตื่นกลัวตื่นตระหนก

แต่หลายๆ ครั้งที่เราต้องมาได้ยินคำพูดเดิมๆ ซ้ำๆ ยกตนข่มท่านใส่ ฉันไม่ได้ป่วย ฉันไม่มีไข้ ฉันตรวจมาแล้ว ฉันกักตัวมาแล้ว ฉันรู้ว่าต้องทำยังไง มาบอกฉันให้กักตัวคุณไปบอกคนอื่นให้ได้ก่อน ทุกคำพูด ส่อไปถึงความเห็นแก่ตัวล้วนๆ แล้วไง เพราะคำพูดเหล่านี้ไหม ที่ทำให้พ่อแม่ คนที่คุณรัก อาจจะต้องมาเสียชีวิต เพราะความมักง่ายและเห็นแก่ตัวของคุณ

อุทาหรณ์คนไม่กักตัว! ลูกกลับจากเมืองนอกเที่ยวพัทยาต่อ ทำพ่อแม่ติดโควิด-19
อุทาหรณ์คนไม่กักตัว! ลูกกลับจากเมืองนอกเที่ยวพัทยาต่อ ทำพ่อแม่ติดโควิด-19

คุณคิดว่าการใส่ชุดแบบนี้ เดินตามบ้าน ทุ่งนา สวน กลางแดดเปรี้ยงๆ มันสนุกนักหรอ คิดว่าเราอยากจะทำหรอ ดูเหมือนพวกเราไม่เดือดร้อน ไม่ได้รับผลกระทบ คุณคิดว่าพวกเราได้เบี้ยเลี้ยง ได้ค่าตอบแทนเหรอ ไม่มีค่ะ ขนาดชุด วัสดุอุปกรณ์ ยังขอรับบริจาค แล้วตอนนี้คุณรู้ไหม บุลาการทางการแพทย์ 1 คน ต้องดูแลประชากรหลักหมื่น คุณคิดว่าเราจะทนแรงต้านไหวไหม

แต่สุดท้ายแล้ว เราทุกคนก็ต้องสู้ต่อ เพราะมันคือหน้าที่ ไม่ไหวเมื่อไหร่ก็แค่ตาย แต่ฉันขอตายโดยที่ให้ญาติได้นิมนต์พระมาสวด ให้ญาติได้เห็นหน้าฉันก่อนเผา ให้ญาติได้ยินเสียงฉันร่ำลา ให้เราได้กอดกันจนวินาทีสุดท้าย ฉันไม่อยากตายแบบโควิด-19 จากเสียงของบุคลากรเล็กๆ ที่นายอาจจะมองไม่เห็นคุณค่า

โพสต์นี้ไม่ได้มีเจตนาตำหนิใครหรือว่าใคร แค่อยากยกตัวอย่างให้เห็นชัดเจน และอยากให้ทุกคนตระหนักถึงผลกระทบที่จะตามมาให้ นึกถึงคนที่เรารักให้มากๆ นะคะ ฝากไว้ให้คิด”

บทความเกี่ยวข้อง

“เจมส์ มาร์” อย่างเฟี้ยว โชว์สเต็ปแดนซ์ ปะทะ “อ้น ศรีพรรณ” น่ารักได้อีกพ่อคุณ

"เจมส์มาร์"อย่างเฟี้ยวโชว์สเต็ปแดนซ์ปะทะ"อ้นศรีพรรณ"น่ารักได้อีกพ่อคุณ(คลิป) ปกติเห็นเป็นหนุ่มหล่อ...