เหลือแค่ 1 ใครเอ่ย? 11 แข้งตัวจริงเกมสั่งลา เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุมบังเหียน แมน ยู อยู่ไหนกันหมด

เกมสุดท้ายของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในฐานะผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นแมตช์ที่สุดมันเมื่อทัพ “ปีศาจแดง” เสมอกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 5-5 ซึ่งในแมตช์นั้น “ป๋า” เลือก 11 ผู้เล่นลงสนามแบบแปลกๆ แต่ก็เข้าใจได้ เพราะทีมคว้าแชมป์ลีกอย่างเป็นทางการไปนานแล้ว

   ฤดูกาล 2012/13 ไม่มีใครคาดคิดว่ามันจะเป็นซีซั่นสุดท้ายของ “เซอร์เฟอร์กี้” กับ “ปีศาจแดง” เพราะไม่มีข่าวระแคะระคายออกมาเลยว่า “ป๋าใหญ่” แห่งโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด จะตัดสินใจล้างมือในอ่างทองคำเพื่อกลับไปเลี้ยงหลานอยู่บ้าน

 

เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน

 

   สำหรับแมตช์สุดท้ายของซีซั่นนั้น โรเมลู ลูกากู ซึ่งยังเล่นให้ “เดอะ แบ็กกี้ส์” ระเบิดฟอร์มซัดแฮตทริก แต่นั่นก็ไม่ได้มีความหมายอะไร เพราะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้สร้างความยิ่งใหญ่ด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยที่ 13 ไปเรียบร้อยแล้ว

   ในเกมนั้น เฟอร์กูสัน จัดทีมสำรองลงสนาม โดยเขาเลือกที่จะดร็อป เวย์น รูนี่ย์, ปาทริซ เอวร่า และ ดาบิด เด เคอา และให้นักเตะที่ไม่ค่อยได้ลงสนาม ได้ลงเล่นเพื่อซึมซับบรรยากาศแห่งความสำเร็จร่วมกับต้นสังกัด โดย 11 ตัวจริงในแมตช์อำลาของ “ป๋า” มีใครบ้าง และปัจจุบันทำอะไรกันอยู่ ลองไปดูกันดีกว่า

อันเดรส ลินเดการ์ด  

อันเดรส ลินเดการ์ด
อันเดรส ลินเดการ์ด

 

    เกมสุดท้ายของ “เฟอร์กี้” ถือเป็นโอกาสทองสำหรับ ลินเดการ์ด ซึ่งไม่มีวันลืมเลือนไปได้เลย เพราะนั่นทำให้เขาได้ลงเฝ้าเสาเกมลีกนัดที่ 10 ของซีซั่น ซึ่งเพียงพอที่จะทำให้เขามีคุณสมบัติที่จะได้รับเหรียญแชมป์พรีเมียร์ลีก มาประดับเอาไว้ในตู้โชว์ที่บ้าน

 นายทวารชาวเดนมาร์ก ได้ลงทำหน้าที่เฝ้าเสาแทน ดาบิด เด เคอา ผู้รักษาประตูมือ 1 ชาวสแปนิช ได้มีโอกาสซึมซับบรรยากาศแห่งความสำเร็จในฐานะแชมป์ลีกครั้งสุดท้ายของ “เซอร์เฟอร์กี้” และแมนยูไนเต็ด

    หลังจากนั้นเจ้าตัวก็ยังคงทนเป็นยางอะไหล่ของ เด เคอา ต่อไปอีก 2 ซีซั่นก่อนจะตั้งสติได้ว่าควรไปหาโอกาสลงเป็นมือ 1 ดีกว่าและเลือกย้ายไปเล่นให้ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน หลังจาก 1 ซีซั่นที่อยู่กับ “เดอะ แบ็กกี้ส์” เจ้าตัวก็ย้ายไปอยู่กับ เปรสตัน ก่อนจะได้หวนกลับมาค้าแข้งในลีกสูงสุดกับ เบิร์นลี่ย์

    อย่างไรก็ตาม ลินเดการ์ด โดยปล่อยตัวออกจากสโมสรในช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา และตอนนี้ นายทวารชาวแดนโคนม ที่ปัจจุบันอายุ 36 ปีแล้ว ยังคงเดินตามฝันการเล่นฟุตบอลด้วยการไปเฝ้าเสาให้กับ เฮลซิงบอร์ก ทีมดังในสวีเดน

อันโตนิโอ วาเลนเซีย

 

อันโตนิโอ วาเลนเซีย
อันโตนิโอ วาเลนเซีย

 

    ฟุลแบ็กชาวเอกวาดอร์ สร้างชื่อให้ตัวเองกลายเป็นขวัญใจของสาวก “เร้ด อาร์มี่” และได้อยู่เล่นให้กับทีมจนกระทั่งถึงช่วงซัมเมอร์ปี 2019 โดยเขาค้าแข้งในนามทัพ “ปีศาจแดง” มากกว่า 300 แมตช์เลยทีเดียว

    ในยุคของ “ป๋า” นักเตะมักจะโดนจับไปเล่นเป็นปีกขวา กระนั้น วาเลนเซีย ต้องเปลี่ยนตำแหน่งกลายมาเป็นฟูลแบ็กหลังหมดยุค จอมคนชาวสกอตติช แต่เจ้าตัวก็ยังทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อในตำแหน่งนี้

    เขาก้าวขึ้นมาเป็นกัปตันทีมภายใต้การกุมบังเหียนของกุนซือโชเซ่ มูรินโญ่ และได้สวมปลอกแขนผู้นำทัพ “ผีแดง” ในแมตช์ที่จัดการดับซ่า อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ทีมรวมดาวรุ่งพุ่งแรงในเวลานั้น คว้าแชมป์ยูฟ่า ยูโรปา ลีก เมื่อปี 2017

 สำหรับตอนนี้ วาเลนเซีย อายุ 34 ปีแล้ว และตัดสินใจย้ายกลับไปยัง เอกวาดอร์ บ้านเกิดเพื่อเล่นให้กับสโมสรแอลดียู กีโต้

ฟิล โจนส์

 

ฟิล โจนส์
ฟิล โจนส์

 

   หนึ่งเดียวคนนี้ในทีมตัวจริงของ “เซอร์เฟอร์กี้” ที่ยังคงยืนยันอยู่กับทีมมาจนถึงปัจจุบัน และก็ยังคงเป็นได้เพียงแค่ยางอะไหล่ในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แม้ว่าเจ้าตัวจะอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มานานหลายปีแล้วก็ตาม

   ปัจจุบัน กองหลังหน้าเหวออายุ 28 ปีแล้ว และอยู่กับทัพ “เร้ด เดวิลส์” มานานถึง 9 ปี แต่นักเตะดูเหมือนจะไม่มีอนาคตกับต้นสังกัดมากนักในยุคของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ผู้จัดการทีมชาวนอร์เวย์ หลังได้ลงเล่นตัวจริงแค่ 2 เกมเท่านั้นในฤดูกาลนี้

   ต้องยอมรับว่าการสอดแทรกที่จะยึดตำแหน่งตัวจริงในแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด สำหรับ โจนส์ ค่อนข้างยากมากๆ เพราะเวลานี้พวกเขามี แฮร์รี่ แม็กไกวร์ กับ วิคตอร์ ลินเดอเลิฟ ทำหน้าที่เป็นคู่เซนเตอร์แบ็ก ขณะที่การโยกไปเล่นตำแหน่งฟูลแบ็กเจ้าตัวก็ยังทำผลงานไม่น่าประทับใจซะด้วย

จอนนี่ อีแวนส์

 

จอนนี่ อีแวนส์
จอนนี่ อีแวนส์

 

   การตัดสินใจของ เฟอร์กี้ ที่เลือกให้ อีแวนส์ ลงเล่นตัวจริงในเกมสุดท้ายเหมือนจะเป็นสัญญาณอะไรบางอย่าง เพราะจากนั้นอีก 2 ปี ปราการหลังทีมชาติไอร์แลนด์เหนือ ก็ตัดสินใจย้ายไปค้าแข้งกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน

    อีแวนส์ ย้ายมาเล่นในถิ่นเดอะ ฮอว์ธอร์นส์ แบบไม่มีค่าตัวช่วงซัมเมอร์ปี 2015 และใช้เวลา 3 ฤดูกาลกับ “เดอะ แบ็กกี้ส์” ก่อนที่จะย้ายไปเล่นร่วมกับ “สุนัขจิ้งจอก” เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัวเพียงแค่ 3.5 ล้านปอนด์ (ราว 133 ล้านบาท) เท่านั้น

    นับตั้งแต่ที่ย้ายไปเล่นกับ “เดอะ ฟ็อกซ์” กองหลังวัย 32 ปี ก็ทำผลงานได้อย่างโดดเด่น และยังคงเป็นนักเตะตัวหลักในยุคของกุนซือเบรนแดน ร็อดเจอร์ส ซึ่งยกย่องว่าเจ้าตัวคือการเซ็นสัญญาที่ดีเยี่ยมของสโมสรเลยทีเดียว

อเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์

 

อเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์
อเล็กซานเดอร์ บุตต์เนอร์

 

   หนึ่งในการเซ็นสัญญาของ ท่านเซอร์แดนวิสกี้ ที่ได้รับการจดจำน้อยที่สุด นั่นก็คือ แบ็กซ้ายชาวดัตช์ และถึงแม้ว่าจะยิงประตูได้ในเกมสั่งลาของ เฟอร์กูสัน แต่ต้องยอมรับว่า บุตต์เนอร์ ล้มเหลวไม่มีชิ้นดีในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

   บุตต์เนอร์ ไม่ค่อยได้มีชื่ออยู่ในทีมชีทของ แมนฯ ยูไนเต็ด และแน่นอนว่ามันเป็นเรื่องยากมากๆ ที่คุณจะพยายามค้นหาว่านักเตะรายนี้ซึ่งอายุ 31 ปีแล้ว ค้าแข้งอยู่ที่ไหน เพราะเขาไม่ได้อยู่บนแผ่นดินยุโรป แต่ไปทำมาหารับประทานที่สหรัฐอเมริกา

    1 ฤดูกาลหลังจากที่ เฟอร์กูสัน ตัดสินใจเกษียณตัวเอง ฟูลแบ็กจากประเทศฮอลแลนด์ ต้องระหกระเหินไปเล่นให้กับ ดินาโม มอสโก จากนั้นก็ย้ายไปอยู่กับ  วิเทสส์ อาร์เน่ม ทีมเก่าที่เคยแจ้งเกิด ก่อนที่จะโบยบินไปแดนลุงแซมเพื่อเล่นให้กับ นิวอิงแลนด์ เรโวลูชั่น เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา

ไมเคิ่ล คาร์ริค

 

ไมเคิ่ล คาร์ริค
ไมเคิ่ล คาร์ริค

 

   คาร์ริค เป็นกองกลางที่ไว้วางใจได้เสมอสำหรับ เฟอร์กูสัน โดยเขายังคงใช้เวลาอยู่กับสโมสรอีก 5 ปีหลังจากหมดยุค บรมกุนซือชาวสกอตแลนด์ ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดใน “โรงละครแห่งความฝัน” เมื่อปี 2018

   ดาวเตะชาวอังกฤษ มีช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมกับ ท่านเซอร์แดนวิสกี้ และได้รับความไว้วางใจให้ลงเล่นอยู่เสมอ แน่นอนว่า คาร์ริค เป็นหนึ่งในนักเตะที่ เฟอร์กูสัน ประทับใจเป็นพิเศษ และให้ทำหน้าที่คอยยืนคุมเกมในแดนกลาง

   แม้หมดยุคของ “ป๋า” ไปแล้ว คาร์ริค ก็ยังคงเป็นนักเตะที่อยู่ในแผนการสร้างทีมของ เดวิด มอยส์, หลุยส์ ฟาน กัล และ มูรินโญ่ จนกระทั่งเมื่อโบกมือลาสตั๊ด เจ้าตัวก็ก้าวเข้ามาเป็นมือขวาให้กับ “น้าลูกอม” ส่วนจะไปไกลถึงการนั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีมหรือไม่ ต้องรอดูกันต่อไป

อันแดร์สัน

 

อันแดร์สัน
อันแดร์สัน

 

     อดีตเด็กอัจฉริยะชาวบราซิเลียน ซึ่งได้รับการเชิดชูอย่างมากสมัยยังเป็นดาวรุ่ง ปัจจุบันผลงานที่สุดยอดในวัยเด็กของเขาแทบจะโดนลืมเลือน และหลายคนอาจจะจำไม่ได้ว่านี่คือนักเตะที่เคยได้รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยม หรือ “โกลเด้น บอย อวอร์ด” มาแล้ว

    การย้ายจาก เอฟซี ปอร์โต้ มาเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ในวัยเพียง 18 ปี แน่นอนว่า เฟอร์กูสัน ค่อนข้างขาดหวังในตัว อันแดร์สัน เอาไว้สูงมาก โดยถึงกับประเมินว่านักเตะจะประสบความสำเร็จเฉกเช่น คริสเตียโน่ โรนัลโด้

     แต่มันไม่เป็นแบบนั้น สุดท้ายนักเตะโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวกับ ฟิออเรนติน่า ในปี 2014 จากนั้นก็ต้องระเห็จกลับไปค้าแข้งในบ้านเกิดกับ อินเตอร์นาซิอองนาล ไม่นานนักเขาก็ได้กลับมาเล่นบนแผ่นดินยุโรปอีกครั้งกับ อดาน่า เดเมียร์สปอร์ สโมสรในลีกระดับสองของประเทศตุรกี

 สุดท้าย อันแดร์สัน ตัดสินใจยุติบทบาทการเป็นพ่อค้าแข้งอย่างเป็นทางการในปี 2019

 ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์

 

 ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์
ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์

 

   “เจ้าหนูทอม” ในเวลานี้สามารถสอดแทรกเข้ามาอยู่ในทีมชุดใหญ่ของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่แล้วผลงานของนักเตะก็ค่อยๆ สาละวันเตี้ยลงอย่างต่อเนื่อง ทันทีที่กุนซือชาวสกอตแลนด์ ตัดสินใจวางมือจากวงการลูกหนัง

    การย้ายมาของ อังเคล ดิ มาเรีย และ อันเดร์ เอร์เรร่า ส่งผลกระทบกับ ดาวเตะชาวอังกฤษ อย่างมาก เพราะทำให้เขาไม่ค่อยได้รับโอกาสลงสนามอย่างที่ควรจะเป็น และในเมื่อไม่สามารถหาพื้นที่ 11 ตัวจริงได้ ฉะนั้น เคลฟเวอร์ลี่ย์ ก็ต้องไปหาสโมสรใหม่ที่ให้โอกาสกับเขา

    นักเตะเลือกที่จะเก็บข้าวของออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไปเล่นให้ “ทอฟฟี่สีน้ำเงิน” เอฟเวอร์ตัน ก่อนจะเซ็นสัญญาถาวรกับ “แตนอาละวาด” วัตฟอร์ด ในปี 2017 ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาโดนส่งไปเล่นแบบยืมตัวในช่วงที่กำลังฝึกปรือฝีเท้า

ชินจิ คางาวะ

 

ชินจิ คางาวะ
ชินจิ คางาวะ

 

     สตาร์ลูกหนังชาวญี่ปุ่น ย้ายจาก “เสือเหลือง” โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ มาเล่นกับ แมนฯ ยูไนเต็ด ช่วงต้นฤดูกาลสุดท้ายของ เฟอร์กูสัน โดยดาวเตะแดนซามูไร สร้างผลงานได้น่าประทับใจด้วยการซัดไป 6 ประตูจาก 20 เกมลีกที่เล่นให้ “ผีแดง”

    อย่างไรก็ตาม คางาวะ ไม่สามารถทำผลงานได้โดนใจ มอยส์ และหลังจากอยู่กับ “เร้ด เดวิลส์” เพียงแค่ 2 ฤดูกาล ในปี 2014 เพลย์เมกเกอร์ทีมชาติญี่ปุ่น ตัดสินใจเก็บข้าวของกลับไปยัง ดอร์ทมุนด์ สโมสรที่สร้างชื่อให้กับเขา

     คางาวะ ใช้เวลา 5 ปีอยู่กับทัพ “เสือเหลือง” ก่อนที่จะกลายเป็นแข้งส่วนเกินในยุคกุนซือลูเซียง ฟาฟร์ สำหรับปัจจุบัน ดาวเตะแดนอาทิตย์อุทัย อายุ 31 ปีแล้ว และตอนนี้ย้ายไปค้าแข้งกับ เรอัล ซาราโกซ่า ทีมในระดับ ลีกา 2 ประเทศสเปน

 ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ

 

 ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ
ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ

 

     หัวหอกเจ้าของฉายา “ชิชาริโต้” หรือ “ถั่วน้อย” ถือเป็นจอมเพชฌฆาตหน้าเปื้อนยิ้มเช่นกัน และดาวเตะชาวเม็กซิกัน ยังคงเป็นที่จดจำของแฟนบอล “ผีแดง” อยู่เสมอกับผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สร้างเอาไว้กับสโมสรแห่งนี้

    เอร์นานเดซ ซัดไป 59 ประตูจากการลงสนาม 157 เกมให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้ “ห้างขายยา” ไบเออร์ เลเวอร์กูเซ่น ในศึกบุนเดสลีกา ซึ่งที่นี่เจ้าตัวสร้างผลงานสุดยอดด้วยการซัดไป 39 ประตูจากการเล่นเพียง 76 เกมเท่านั้น

    ด้วยเหตุนี้ทำให้ “ขุนค้อน” เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ตัดสินใจกระชากนักเตะกลับมาเล่นในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีอีกครั้ง แต่เขาไม่สามารถทำผลงานได้โดนใจของเหล่าสาวก “เดอะ แฮมเมอร์ส”  สุดท้ายก็โดนขายไปให้กับ เซบีย่า และจากนั้นก็ย้ายไปทำมาหากินที่สหรัฐฯ กับสโมสรลอสแองเจลิส แกแล็กซี่ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

 

โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
โรบิน ฟาน เพอร์ซี่

 

    ต้องยอมรับว่า ฟาน เพอร์ซี่ คือหนึ่งในกำลังสำคัญที่ทำให้ “เซอร์เฟอร์กี้” ได้แชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นเกียรติประวัติครั้งสุดท้ายพร้อมกับเหรียญรางวัลที่ทรงคุณค่าที่จะได้นำไปวางเอาไว้ในตู้โชว์ที่บ้าน ก่อนที่จะอำลาสโมสร

    สตาร์ชาวดัตช์ ระเบิดฟอร์มด้วยการซัดไป 26 ประตูในลีกและนำ แมนฯ ยูฯ เถลิงแชมป์สมัยที่ 20 อย่างยิ่งใหญ่อลังการ  อย่างไรก็ตามหลังจาก เฟอร์กูสัน วางมือ และส่งไม้ต่อให้กับทายาทที่ถูกเลือกนั่นก็คือ มอยส์…..ช่วงเวลาหายนะของ “อาร์วีพี” ก็มาถึง

   ในซีซั่นนั้น ฟาน เพอร์ซี่ ซัดไป 18 ประตูจากทุกรายการ และเจ้าตัวก็อยู่กับทีมอีก 1 ฤดูกาลก่อนที่จะจบช่วงเวลา 10 ปีในอาชีพที่เมืองผู้ดี ด้วยการโบกมือลาศึกพรีเมียร์ลีก ในปี 2015 พร้อมกับออกไปหาความท้าทายใหม่ในช่วงบั้นปลายอาชีพ

     ดาวเตะแดนกังหันลม เซ็นสัญญากับ เฟเนร์บาเช่ ยอดทีมแห่งลีกสูงสุดประเทศตุรกี ก่อนจะกลับมาอยู่กับ เฟเยนูร์ด สโมสรที่สร้างชื่อเสียง พร้อมกับคว้าแชมป์ดัตช์ คัพ ในปีสุดท้ายของการเล่นฟุตบอลอาชีพ

   สำหรับตอนนี้ดูเหมือนว่า ฟาน เพอร์ซี่ จะใช้เวลาไปกับการฝึกปรือและประสิทธิ์ประสาทวิชาลูกหนังให้กับลูกชายของเขา……