สถานการณ์สร้างเฟร็ด!

       เฟร็ด กองกลางชาวบราซิเลี่ยนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปคว้าตัวมาจากชัคต้าร์ โดเน็ตคส์ ทีมในประเทศยูเครนเมื่อช่วงกลางปี 2018 ด้วยค่าตัวสูงถึง 50 ล้านปอนด์ในยุคของโชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุกีส ซึ่งจนถึงตอนนี้นั้นยังไม่แน่ชัดด้วยซ้ำว่าอดีตกุนซือของเชลซี และเรอัล มาดริดรายนี้นั้นต้องการดาวเตะรายนี้มาร่วมทีมจริงหรือไม่ เนื่องจากเฟร็ดนั้นไม่ใช่สไตล์นักเตะในตำแหน่งกองกลางที่โชเซ่ มูรินโญ่ ชื่นชอบ และนิยมใช้งานเลยแม้แต่น้อย เพราะก่อนหน้านี้นั้นมูรินโญ่มักจะเลือกซื้อ และใช้งานนักเตะกองกลางที่มีรูปร่างสูงใหญ่ หรือว่าแข็งแกร่งเป็นหลัก ยกตัวอย่างเช่นเนมานย่า มาติช หรือมิคาเอล เอสเซียงเป็นต้น แต่เฟร็ดนั้นไม่ได้มีลักษณะทางกายภาพในแบบที่โชเซ่ มูรินโญ่ชื่นชอบเลยแม้แต่นิดเดียว ซึ่งจะเห็นได้ว่าในตอนที่เฟร็ดย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในตอนนั้น ก็เริ่มมีข่าวการบาดหมางกันระหว่างตัวผู้จัดการทีมกับบอร์ดบริหารของสโมสรทันที โดยเฉพาะมวยคู่ระหว่างโชเซ่ มูรินโญ่ กับเอ็ด วู๊ดเวิร์ด และยิ่งในตอนที่เฟร็ดไม่สามารถปรับตัวกับการเล่นฟุตบอลในอังกฤษได้ ก็เริ่มมีกระแสหาแพะรับบาปในเรื่องนี้ ว่าใครกันแน่ที่เป็นคนต้องการเซ็นต์สัญญาคว้าตัวเฟร็ดมาร่วมทีม เพราะฤดูกาลแรกของเขาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดนั้นถือว่าล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เมื่อเขาไม่สามารถปรับตัวเข้ากับสไตล์การเล่นในอังกฤษได้เลยแม้แต่น้อย ทำให้ไม่สามารถช่วยทีมในแดนกลางได้เลย ซึ่งจะเห็นได้ว่าเขายังไม่สามารถจับจังหวะฟุตบอลอังกฤษได้ ทั้งตอนที่ได้ครอบครองบอล หรือว่าเป็นฝ่ายตั้งรับก็ตาม ซึ่งเขามักจะไปอยู่ในจุดที่ไม่ถูกที่เสมอ ทำให้แดนกลางของทีม “ปีศาจแดง” นั้นเสียเปรีบ และเป็นรองคู่แข่งอยู่ตลอด ซึ่งด้วยปัญหานักเตะในแดนกลางเจ็บบ่อย ทำให้โชเซ่ มูรินโญ่ก็ต้องส่งเขาลงสนามเป็นประจำอยู่ช่วงหนึ่งอย่างไม่มีทางเลือก แต่เฟร็ดก็ไม่สามารถเผยแววที่ดีออกมาได้เลย ไม่ว่าจะเป็นช่วงของโชเซ่ มูรินโญ่ หรือว่าตอนเปลี่ยนกุนซือมาเป็นโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์แล้วก็ตาม ทำให้ดูท่าแล้วค่าตัวกว่า 50 ล้านปอนด์ที่จ่ายเป็นค่าตัวของดาวเตะบราซิเลี่ยนรายนี้ดูท่าว่าจะเสียเปล่าไป ในเมื่อเหมือนพวกเขาจะได้นักเตะบราซิลปลอมมา ซึ่งมีแฟนบอลหลายคนที่คิดเช่นนั้น หลังจากที่เห็นการเล่นของดาวเตะรายนี้ เพราะเมื่อฤดูกาลที่แล้วนั้นเฟร็ดโดนเข้าบอลเร็วเป็นไม่ได้ เพราะเขามักจะลนลานจนทำพลาดบ่อย ทั้งการจับบอลลั่น หรือการจ่ายบอลที่ไม่มีความแม่นยำ ทำให้เขาถูกสบประมาทไว้มากทีเดียว

 

 

 เฟร็ด กองกลางชาวบราซิเลี่ยนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปคว้าตัวมาจากชัคต้าร์ โดเน็ตคส์
เฟร็ด กองกลางชาวบราซิเลี่ยนที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปคว้าตัวมาจากชัคต้าร์ โดเน็ตคส์

 

            แต่ด้วยความไม่ย่อท้อ ทำให้เฟร็ดไปซุ่มซ้อมอย่างหนักในช่วงปิดฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งช่วงนั้นทีมชาติบราซิลไม่มีคิวลงเตะทัวร์นเม้นต์เหมือนอย่างทีมชาติในยุโรปที่จะมีศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ซึ่งถึงมีคิวทีมชาติบราซิลเตะ เฟร็ดก็อาจจะไม่มีชื่ออยู่ดี เพราะฟอร์มการเล่นของเขานั้นไม่เข้าตากุนซือคนไหนอย่างแน่นอน ทำให้เขามีเวลาเต็มที่ในการซุ่มฝึกซ้อมอย่างหนักในช่วงปิดฤดูกาล ซึ่งในช่วงพรีซีซั่น และในช่วงต้นฤดูกาลนั้นก็ยังไม่ค่อยจะเห็นการพัฒนาของเขามากนัก เพราะในช่วงแรกที่นักเตะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังอยู่กันครบ เฟร็ดนั้นเป็นเพียงตัวสำรองในแดนกลางเท่านั้น เพราะโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์เลือกที่จะใช้งานสก็อตต์ แม็คโทมิเนย์ กองกลางทีมชาติสก็อตแลนด์ ไปเล่นร่วมกับปอล ป็อกบาในแดนกลาง ทำให้แฟร็ดต้องหลุดไปเป็นตัวสำรองในตอนนั้น

 

            แต่เหมือนว่าโชคชะตาของเขาจะไม่ได้ทำให้เขาตกอับนานนัก เมื่อหลังจากผ่านช่วงเดือนกันยายนมานั้น ปอล ป็อกบา กองกลางคนสำคัญของทีม “ปีศาจแดง” มีอาการบาดเจ็บหนักในช่วงนั้นพอดี เช่นเดียวกับเนมานย่า มาติช ที่ถือว่าเป็นคู่แข่งของเขาในการแย่งตำแหน่งครั้งนี้ก็มีอาการบาดเจ็บรบกวน รวมถึงฟอร์มการเล่นก็ตกลงไปจากเดิมมาก ทำให้เฟร็ดนั้นได้โอกาสลงสนามจับคู่กับแม็คโทมิเนย์ทันที ซึ่งดูจากชื่อชั้นแล้วถือว่าเป็นคู่กองกลางที่ขี้เหร่สำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมากในตอนนั้น แต่ด้วยความคาดหวังที่น้อย อาจทำให้ไม่มีความกดดันมากนัก และกลายเป็นว่าการได้โอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องด้วยกันในตำแหน่งแดนกลาง ดูเหมือนจะทำให้ทั้งเฟร็ด และแม็คโทมิเนย์ สามารถเล่นกันได้อย่างเข้าขากันอย่างเหลือเชื่อ และการได้ลงเล่นตลอด ทำให้เฟร็ดเริ่มจับจังหวะกับการเล่นในพรีเมียร์ลีกได้ดีขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้เขาถือว่ากลายเป็นดาวเด่นในแดนกลางของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปแล้วด้วยซ้ำ ด้วยการวิ่งที่ขยันมากขึ้น และมีความนิ่งในยามได้บอลอยู่กับตัวที่มากขึ้นด้วย ทำให้เขาเริ่มที่จะมีการแอสซิสต์ และการทำประตูได้ด้วยในช่วงหลัง ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาเขาได้ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเขาได้ไมเคิล คาร์ริค อดีตกองกลางของสโมสรที่ตอนนี้ไปเป็นโค๊ชอยู่นั้นช่วยให้เขาสามารถปรับตัวกับการเล่นในอังกฤษได้สำเร็จแล้วในตอนนี้ ซึ่งสถานการณ์ในตอนต้นฤดูกาลนั้นได้สร้างวีรบุรุษนามว่าเฟร็ด ให้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้งแล้วในตอนนี้