ปัญหาแนวรุกของ “ราชันย์ชุดขาว”

ปัญหาแนวรุกของ “ราชันย์ชุดขาว”

เรอัล มาดริด ทีมรองจ่าฝูงของศึกลา ลีก้าสเปนในตอนนี้ เป็นทีมที่ประสบปัญหาในด้านการทำประตูอยู่พอสมควรในฤดูกาลนี้ ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้หลายปี พวกเขาถือว่าเป็นทีมที่มีเกมรุกดุดันที่สุดในยุโรปเลยก็ว่าได้ เพราะว่าตอนนั้นพวกเขามีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดาวยิงทีมชาติโปรตุเกสอยู่ในทีมนั่นเอง แต่หลังจากที่ฟลอเรนติโน่ เปเรซ ประธานสโมสรตัดสินใจขายเขาไปให้กับยูเวนตุสในอิตาลี เพื่อแลกกับเงินประมาณ 120 ล้านยูโรเมื่อช่วงกลางปี 2018 หลังจากนั้นเป็นต้นมาทีม “ราชันย์ชุดขาว” มีปัญหาในเรื่องของแนวรุกที่ทำประตูได้น้อยมาจนถึงตอนนี้ แม้ว่าจะมีซีเนอดีน ซีดาน ยอดกุนซือคนเดิมกลับมาคุมทีมในถิ่นซานติอาโก้ เบร์นาเบวเช่นเดิมแล้วก็ตาม แต่เขาก็ยังไม่สามารถทำให้ เรอัล มาดริด กลับไปมีเกมรุกที่ดุดัน และยิงกระจายได้เหมือนเดิม

เรอัล มาดริด มีการเปลี่ยนแปลงทีมไปจากชุดที่กุนซือชาวฝรั่งเศสพาทีมคว้าแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 3 สมัยติดต่อกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยเปลี่ยนจากนายประตูที่เคยใช้เคย์ลอร์ นาบาส นายประตูทีมชาติคอสตาริก้ามาเป็นธิบอต์ กูร์ตัวส์ นายประตูมือ 1 ทีมชาติเบลเยี่ยมแทน รวมถึงการที่ไม่มีคริสเตียโน่ โรนัลโด้ในแดนหน้าด้วย ซึ่งถือว่าส่งผลกระทบครั้งใหญ่เลยทีเดียว เพราะหลังจากที่โรนัลโด้ไปแล้ว ก็เป็นช่วงที่แกเร็ธ เบล ปีกทีมชาติเวลส์ก็เริ่มฟอร์มตกพอดี ส่วนวินิซิอุส จูเนียร์ก็ยังไม่มีความเด็ดขาดแน่นอน มีเพียงแค่ความวูบวาบตามสไตล์นักเตะดาวรุ่งเท่านั้น ทำให้ประสิทธิภาพของ เรอัล มาดริด ลดไปพอสมควรเลยทีเดียว ซึ่งรวมถึงคาริม เบนเซม่า กองหน้าคู่ใจของซีดานด้วยเช่นกัน ที่ดูเหมือนว่าฟอร์มจะดีเป็นประจำในช่วงต้นฤดูกาล แต่ดูเหมือนว่าพอทำประตูไปได้จนถึงจุดหนึ่งแล้ว ดูเหมือนว่าเบนเซม่าจะติดล็อคกับขีดสุดของเขาที่ไม่สามารถก้าวข้ามผลงานของตัวเองไปได้เสียที ทำให้เขาไม่สามารถเป็นที่พึ่งพาในการทำประตูให้กับทีมได้ตลอดทั้งฤดูกาลมาจนถึงตอนนี้ ซึ่งถึงแม้ว่าผ่านมา 27 นัดในลา ลีก้า เบนเซม่าจะทำไปได้ 14 ประตู และนำเป็นดาวซัลโวของทีมอยู่ในเวลานี้ก็ตาม

สิ่งที่ทำให้ เรอัล มาดริด ยังสามารถทำคะแนนเกาะอยู่ในกลุ่มหัวตารางร่วมกับบาร์เซโลน่าได้ในตอนนี้นั้นต้องยกเครดิตให้กับบรรดาแนวรับ และกองกลางของทีมเป็นอย่างยิ่ง ที่ทั้งสามารถป้องกันประตูให้กับทีมได้อย่างดีแล้ว แต่นอกเหนือจากนั้นพวกเขายังสอดขึ้นมาช่วยทีมทำประตูได้อยู่บ่อยครั้งด้วย และทำให้ทีมก็บคะแนนได้มาจนถึงเป็นรองจ่าฝูงในเวลานี้ ซึ่งอันที่จริงพวกเขาสามารถแซงหน้าบาร์เซโลน่าไปเป็นจ่าฝูงได้แล้วด้วยซ้ำ หลังจากที่เอาชนะในศึกเอล กลาซิโก้ได้สำเร็จเ 2-0 แต่ว่าสัปดาห์ต่อมา เรอัล มาดริด ดันบุกไปแพ้ให้กับเรอัล เบติส 1-2 ส่วนบาร์เซโลน่าเปิดรังเอาชนะเรอัล โซเซียดาดไปได้ 1-0 ทำให้สามารถกแซงทีม “ราชันย์ชุดขาว” กลับขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงได้อีกครั้งด้วยความห่างคะแนนเดียวเท่านั้น แต่ทีม “เจ้าบุญทุ่ม” ยังเสียเปรียบในด้านของเฮด ทู เฮด กับทางเรอัล มาดริดอยู่ด้วย เนื่องจากผล 2 นัดของศึกเอล กลาซิโก้ปีนี้พวกเขาไม่สามารถเอาชนะทีมของซีเนอดีน ซีดานได้เลย ไม่ว่าจะเป็นในยุคของกุนซือเออร์เนสโต้ บัลเบร์เด้ หรือว่าจะเป็นกิเก้ เซเตียนก็ตาม ซึ่งพวกเขาไม่สามารถทำประตูใส่เรอัล มาดริดได้เลยจากการพบกัน 2 นัดในฤดูกาลนี้ ก่อนที่นัดล่าสุดจะบุกไปแพ้ที่ซานติอาโก้ เบร์นาเบว 0-2 ทำให้พวกเขาเสียเปรียบทันทีหากว่าคะแนนเท่ากันในฤดูกาลนี้

เรอัล มาดริด
เรอัล มาดริด

 

สิ่งที่ทำให้แนวรุกของเรอัล มาดริดในฤดูกาลนี้นั้นไม่ไหลรื่นก็เพราะนักเตะใหม่อย่างเอแดน อาซาร์ เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติเบลเยี่ยมที่ทีมซื้อมาเพื่อเป็นความหวังในการปั้นเกมทางปีกซ้ายกลับได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องในฤดูกาลนี้ ทั้งที่ตอนค้าแข้งกับเชลซีอาซาร์มีช่วงเวลาในการอยู่ข้างสนามเพราะอาการบาดเจ็บน้อยมาก แต่พอย้ายทีมมาด้วยค่าตัว 100 ล้านยูโรเมื่อช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้วก็ดันมามีอาการบาดเจ็บอย่างต่อเนื่องทันที ทำให้แผนการของซีดานที่จะให้อาซาร์มาเป็นตัวสร้างสรรค์แนวรุกนั้นไม่สามารถไปต่อได้ อีกทั้งพวกเขายังไม่สามารถปล่อยนักเตะในแนวรุกที่ซีเนอดีน ซีดานมองว่าไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเขาออกจากทีมไปได้ ไม่ว่าจะเป็นแกเร็ธ เบล ปีกชาวเวลส์ที่ซีดานบอกชัดเจนแล้วว่าไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเขา แต่เอเย่นต์นักเตะก็ไม่สามารถหาต้นสังกัดใหม่ให้กับอดีตปีกค่าตัวแพงที่สุดในโลกรายนี้ได้ เนื่องด้วยค่าเหนื่อยที่แพงมหาศาลที่เขารับอยู่กับเรอัล มาดริดในตอนนี้นั่นเอง อีกทั้งทางสโมสรก็ต้องการเงินจากการย้ายทีมของเขาก้อนหนึ่งด้วยเช่นกัน ทำให้สุดท้ายก็ไม่มีใครกล้ายื่นข้อเสนอเข้ามา เพราะต่างก็กังวลกับอาการบาดเจ็บของแกเร็ธ เบลที่มีมาอย่างต่อเนื่องในระยะหลัง ซึ่งรวมถึงฮาเมส โรดริเกซ เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติโคลอมเบียที่ไม่เคยอยู่ในแผนการทำทีมของกุนซือชาวฝรั่งเศสเลยนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาคุมทีมเมื่อช่วงต้นปี 2016 และทำให้ฮาเมสต้องถูกปล่อยไปให้กับบาเยิร์น มิวนิค ยักษ์ใหญ่ในบุนเดสลีก้ายืมตัวไปใช้งาน 2 ปี แต่พอกลับมากุนซือก็ยังคงเป็นซีดานคนเดิม ทำให้คนาคตของเขาก็มืดมนเช่นเดิมเหมือนตอนที่จากไป ซึ่งในช่วงต้นฤดูกาลที่ผ่านมาซีเนอดีน ซีดานก็พยายามที่จะให้โอกาส 2 ดาวเตะชื่อดังรายนี้แล้ว แต่ทั้งคู่ก็ไม่สามารถสร้างความประทับใจในยามที่ถูกส่งลงสนามไปได้ อีกทั้งยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอดทั้งคู่ด้วย ทำให้ดูยังไงแล้วหลังจบฤดูกาลนี้พวกเขาก็คงต้องหาต้นสังกัดใหม่อีกครั้ง อยู่ที่ว่าจะหากันได้หรือไม่เท่านั้น มิเช่นนั้นก็ต้องมานั่งกินค่าเหนื่อยของทีม “ราชันย์ชุดขาว” ต่อไปอีกปี

ทีม “ราชันย์ชุดขาว” โดประธานสโมสรฟลอเรนติโน่ เปเรซ พยายามที่จะถ่ายเลือดนักเตะใหม่อยู่ในเวลานี้ โดยพวกเขาพยายามจะโละนักเตะมากประสบการณ์ที่หมดสภาพออกจากทีมไป หรือเป็นนักเตะที่ไม่ได้อยู่ในแผนการทำทีมของซีเนอดีน ซีดานแล้ว อย่างเช่นแกเร็ธ เบล ฮาเมส โรดริเกซ ลูก้า โมดริชเป็นต้น เพื่อเปิดโอกาสให้กับบรรดานักเตะดาวรุ่งที่สโมสรปลุกปั้นขึ้นมาจากชุดเยาวชน หรือว่าเป็นนักเตะที่พวกเขาไปคว้าตัวมาจากลีกบราซิล ที่สโมสรหันไปทำการซื้อนักเตะจากแดนกาแฟมา 3 ครั้งแล้ว หลังจากที่ได้วินิซิอุส จูเนียร์ จอมลากเลื้อยที่กำลังแววดี ต่อจากนั้นก็ไปคว้าโรดริโก้ และล่าสุดก็คือการคว้าตัวเรนิเย่ร์ ปีกดาวรุ่งชาวบราซิเลี่ยนอีกคนหนึ่ง ซึ่งเหมือนพวกเขาจะติดใจกับบรรดานักเตะดาวรุ่งชาวบราซิเลี่ยนเสียแล้ว ซึ่งอันที่จริงราคาที่พวกเขาไปทุ่มเงินคว้าตัวมานั้นถือว่าไม่ถูกเลยก็ตาม

สิ่งที่ทำให้เรอัล มาดริด ประสบปัญหาในแนวรุกอีกอย่างก็คือความล้มเหลวของลูก้า โยวิช กองหน้าดาวรุ่งทีมชาติเซอร์เบียที่พวกเขาทุ่มเงินไปกว่า 60 ล้านยูโรคว้าตัวมาจากไอน์ทรัชค์ แฟรงค์เฟิร์ตในเยอรมัน หลังจากโยวิชทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในศึกบุนเดสลีก้า แต่ฤดูกาลแรกของเขาในลา ลีก้าสเปนนั้นถือว่าดับอนาถอย่างยิ่ง และยังไม่สามารถสอดแทรกแย่งตำแหน่งตัวจริงจากคาริม เบนเซม่า ลูกรักของซีเนอดีน ซีดานได้เลยในฤดูกาลนี้ ทำให้แนวรุกของพวกเขานั้นมีปัญหามาจนถึงวันนี้ ซึ่งหากว่าพวกเขาจะพลาดแชมป์ลา ลีก้าในปีนี้ นั่นก็เป็นเพราะแนวรุกของทีมนั่นเอง