ตัดเกรดแลมพาร์ด และโซลชาร์!

ตัดเกรดแลมพาร์ด และโซลชาร์!

ในช่วงก่อนเริ่มฤดูกาลพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนี้ มี 2 สโมสรใหญ่ที่มีการเปลี่ยนกุนซือ โดยเชลซีนั้นเปลี่ยนจากเมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่ทำทีมคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้วมาเป็น แฟรงค์ แลมพาร์ด อดีตกองกลางระดับตำนานของสโมสร ซึ่งไม่ได้เป็นสิ่งที่ “สิงโตน้ำเงินคราม” วางแผนเอาไว้แต่อย่างใด แต่มันเป็นเหมือนกับสถานการณ์มันพาไป และทางเลือกของเชลซีก็มีไม่มากนักด้วย เพราะพวกเขาถูกสมาพันธ์ฟุตบอลยุโรป หรือว่าทางยูฟ่าสั่งลงโทษห้ามลงทะเบียนนักเตะใหม่เป็นเวลา 2 ตลาดซื้อขายนักเตะ หรือว่า 1 ปีนั่นเอง

ทำให้พวกเขาไม่สามารถซื้อนักเตะใหม่มาลงทะเบียนเล่นให้กับทีมได้ ทำให้กุนซือรายต่าง ๆ ก็ไม่กล้ามารับงานคุมทีม เพราะพวกเขาไม่สามารถเสริมทัพได้นั่นเอง อีกทั้งกุนซือคนก่อนหน้าอย่างเมาริซิโอ ซาร์รี่ก็หนีไปคุมทีมยูเวนตุส ยักษ์ใหญ่ของอิตาลีแทนด้วย ทำให้เชลซีหากุนซือใหม่ได้ยากมาก จนต้องหันไปพึ่ง แฟรงค์ แลมพาร์ด ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับสโมสรเข้ามาคุมทีมแทน

ซึ่งก่อนหน้านั้นแลมพาร์ดถือว่าโปรไฟล์ไม่เลวทีเดียว แม้ว่าพึ่งจะเริ่มต้นคุมทีมเพียงฤดูกาลเดียวเท่านั้นกับดาร์บี้ เคาน์ตี้ในระดับแชมเปี้ยนชิป แต่เขาก็สามารถพาทีม “แกะเขาเหล็ก” เข้ารอบชิงชนะเลิศเพลย์ออฟลุ้นเลื่อนชั้นสู่พรีเมียร์ลีกด้วย แต่ว่าสุดท้ายแล้วไปแพ้ให้กับแอสตัน วิลล่าเสียก่อน ทำให้อดเลื่อนชั้นอย่างน่าเสียดาย แต่ก็ถือว่าเกินความคาดหมายแล้วกับปีแรกในฐานะผู้จัดการทีมของเขา

2 สโมสรใหญ่ที่มีการเปลี่ยนกุนซือ โดยเชลซีนั้นเปลี่ยนจากเมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่ทำทีมคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้วมาเป็น แฟรงค์ แลมพาร์ด
2 สโมสรใหญ่ที่มีการเปลี่ยนกุนซือ โดยเชลซีนั้นเปลี่ยนจากเมาริซิโอ ซาร์รี่ ที่ทำทีมคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีกเมื่อฤดูกาลที่แล้วมาเป็น แฟรงค์ แลมพาร์ด

 

ส่วนอีกทีมก็คือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ถึงแม้ว่าจะเป็นกุนซือคนเดิม จากช่วงปลายฤดูกาลที่แล้วอย่างโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ แต่ก็ถือว่าเป็นฤดูกาลแรกที่เขาได้คุมทีมแบบเต็มฤดูกาล เพราะกุนซือชาวนอร์เวย์พึ่งเข้ามาคุมทีม “ปีศาจแดง” ในช่วงปลายปี 2018 เท่านั้น ทำให้ฤดูกาลนี้เป็นฤดูกาลแรก ที่เขาจะได้ทำงานแบบเต็มตัว ซึ่งในช่วงมีนาคมปีที่แล้วเขาได้สัญญาถาวรในการคุมทีมในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด

หลังจากพาทีมทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม ในช่วงที่คุมทีมขัดตาทัพแทนที่ของโชเซ่ มูรินโญ่ที่โดนปลดออกไปในช่วงกลางเดือนธันวาคม 2018 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่โซลชาร์จะได้จัดการทีมในช่วงพรีซีซั่น รวมถึงการวางแผนการเสริมทัพ ให้กับทีมด้วย เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นไม่มีผู้อำนวยการกีฬาเหมือนอย่างทีมอื่นๆ ทำให้การมองหานักเตะใหม่นั้นยังคงเป็นผู้จัดการทีมที่น่าจะเป็นคนชี้เป้าให้กับเอ็ด วู๊ดเวิร์ดไปทำการเจรจาซื้อนักเตะอยู่

แฟรงค์ แลมพาร์ด นั้นมีช่วงเวลาที่ทั้งยอดเยี่ยม และก็ยอดแย่ในการคุมทีมเชลซีในฤดูกาลนี้ เพราะเขาก็มีช่วงที่ทำให้เชลซีทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และเก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงต้นฤดูกาล ที่หลังจากที่เขาพาทีมบุกพ่ายแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่โอลด์ แทรฟฟอร์ดแล้ว หลังจากนั้นมาเขาก็พาทีมทำผลงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ และสามารถทำให้ทีมรั้งอันดับที่ 4 ของตารางได้จนถึงปัจจุบัน

ซึ่งเป็นอันดับที่พวกเขาต้องการ เพราะจะได้ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้าตามที่วางแผนเอาไว้ หากว่าพวกเขายังสามารถรักษาอันดับนี้ไปได้จนจบฤดูกาล แต่ก็มีช่วงเวลาที่แฟรงค์ แลมพาร์ดพาเชลซีออกทะเลไปไกลเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนมาจนถึงเดือนธันวาคมที่เขาพาเชลซีแพ้เป็นว่าเล่นให้กับทีมเล็ก ๆ ในลีก แต่กลับมาบุกเอาชนะทีมใหญ่อย่างท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ได้สำเร็จ และหลังจากนั้นมาฟอร์มของเชลซีก็กระท่อนกระแท่นมาโดยตลอด แต่หากดูจากเหตุผลที่เขาไม่สามารถเสริมทัพได้ในช่วงที่ผ่านมาแล้ว ก็ต้องบอกว่า “แลมพ์” ทำเชลซีได้ไม่เลวทีเดียว และน่าจะได้เกรดบีเป็นอย่างน้อยกับผลงานของเชลซีในฤดูกาลนี้

ในส่วนของโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์นั้นถูกมองว่าในเรื่องของการวางแทคติก และการแก้เกมนั้นเขาดูเป็นรองแฟรงค์ แลมพาร์ดเสียด้วยซ้ำ แต่เขาไปได้คะแนนเต็มในเรื่องของมุมมองในการซื้อตัวเสริมทัพของเขากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในฤดูกาลนี้ที่ถือว่ายอดเยี่ยมทีเดียว ทั้งแนวทางการซื้อตัว และนักเตะที่เขาเลือกมาร่วมทีม ที่สามารถใช้งานได้ทันทีทุกคนในฤดูกาลนี้ ทั้งแฮร์รี่ แม็คไกวร์ อาร่อน วาน บิสซาก้า ดาเนี่ยล เจมส์ บรูโน่ แฟร์นันเดส และโอเดี้ยน อิกาโล่ โดยเขามีช่วงเวลาที่เจียนอยู่เจียนไปมากๆ

ในช่วงครึ่งฤดูกาลแรก แต่หลังจากที่ได้บรูโน่ แฟร์นันเดสมาร่วมทีมแล้ว เขาสามารถทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นคนละทีมกับช่วงต้นฤดูกาลเลยทีเดียว และผลงานของทีมก่อนที่จะหยุดเบรคนี้ไวรัสไปนั้นถือว่าเข้าตาเป็นอย่างยิ่ง และร้อนแรงที่สุดทีมหนึ่งของยุโรปเลยทีเดียว ซึ่งหากว่าเขายังสามารถรักษาผลงานของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ดีอย่างต่อเนื่องเหมือนช่วงที่ก่อนจะหยุดเตะไปในช่วงที่เหลือของฤดูกาล โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ก็ถือว่าน่าจะสอบผ่าน และควรจะได้โอกาสคุมทีมต่อไปในฤดูกาลหน้า หากว่าสโมสรสามารถคว้าตัวไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้ตามที่ตั้งเป้าไว้ ไม่ว่าจะเป็นการคว้าอันดับ 4 หรือการเป็นแชมป์ยูโรป้า ลีกก็ตาม