แผน Rebuild United!

แผน Rebuild United!

ดูเหมือนว่านับตั้งแต่ที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทำการแต่งตั้งโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ อดีตกองหน้าระดับตำนานของสโมสรเข้ามาเป็นผู้จัดการทีมต่อจากโชเซ่ มูรินโญ่ที่ถูกปลดจากตำแหน่งไปเมื่อช่วงกลางเดือนธันวาคม 2018 หลังจากนั้นเป็นต้นมาทีม “ปีศาจแดง” มีแนวทางการทำงานที่แตกต่างจากผู้จัดการทีมที่มารับช่วงต่อจากเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันอย่างชัดเจน โดยเฉพาะการซื้อขายนักเตะที่ดูเหมือนว่าเขาจะมีอิทธิพลต่อความเปลี่ยนแปลงทางแนวคิดของเอ็ด วู๊ดเวิร์ด ผู้บริหารระดับสูงของสโมสรมากทีเดียว ทำให้ในระยะหลังมานี้ดูเหมือนว่าแนวทางในการซื้อนักเตะของทีมดูมีความชัดเจน และมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นอย่างมาก ซึ่งดูเหมือนว่าพวกเขากำลังมีแผนงานระยะยาวร่วมกัน ในการที่จะบูรณาการ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้กลับมาเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ และประสบความสำเร็จอีกครั้งในแวดวงของฟุตบอล ไม่ใช่เป็นแค่เพียงทีมที่ทำการค้าได้ดีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น และดูเหมือนว่าบอร์ดบริหารของสโมสรจะมีแรงสนับสนุนกับแนวคิด และนโยบายของกุนซือชาวนอร์เวย์อย่างเต็มที่ ซึ่งจะเห็นได้จากช่วงกลางฤดูกาลที่ผ่านมาที่ทีม “ปีศาจแดง” มีช่วงที่ผลงานไม่ดีนัก จนทำให้เกิดกระแสที่ไม่ดีจากแฟนบอลว่าอยากให้สโมสรทำการปลดโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีม แต่สุดท้ายบอร์ดบริหารก็ยังให้การสนับสนุนอย่างเหนียวแน่น ทำให้เก้าอี้ของโซลชาร์นั้นถือว่ามั่นคงมากทีเดียวในตอนนี้

โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์
โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์

แนวคิดในการ Rebuild หรือสร้าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นมาใหม่นั้นมันนะเป็นแนวคิดที่ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการสร้างทีม ซึ่งกุนซือคนก่อนๆ หน้านี้ทั้งเดวิด มอยส์ หลุยส์ ฟาน กัลป์ หรือโชเซ่ มูรินโญ่ ไม่เคยมีความคิดที่จะทำเช่นนี้ เพราะกุนซือเหล่านั้นไม่ได้มีจิตวิญญาณของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่ในหัวใจ และพวกเขาล้วนแต่ต้องการพาทีมประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วเท่านั้น ทำให้เป้าหมายของการเสริมทัพก็จะแตกต่างกันไปอย่างสิ้นเชิง เพราะก่อนหน้านี้กุนซือเหล่านั้นล้วนแต่จะมองหานักเตะในประเภทที่เป็นแบบสำเร็จรูป คือซื้อมาแล้วใช้งานได้เลย ทำให้นักเตะหลายคนที่ซื้อมาก็มักจะมีอายุค่อนข้างเยอะ และราคาก็ค่อนข้างสูง แต่ทั้งหมดที่ผ่านมาก็ล้วนแต่ล้มเหลวกันเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่าจะเป็นนักเตะชื่อดังก็ตาม อย่างอังเคล ดิ มาเรีย ปีกชาวอาร์เจนไตน์เป็นต้น แต่การมาของโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ที่นำแนวคิดการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีมที่เปลี่ยนไป ซึ่งเขาให้ความสำคัญกับการซื้อนักเตะที่ต้องการมาเล่นให้กับสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นปัจจัยสำคัญ เพื่อที่จะไม่ซ้ำรอยกับเคสของอังเคล ดิ มาเรียอีก คือนักเตะที่ซื้อมาร่วมทีมแต่ไม่มีใจเล่นกับทีมอย่างเต็มที่ ก็ทำให้ผลงานก็ไม่ดีตามไปด้วย ทำให้โซลชาร์เปลี่ยนวิสัยทัศน์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกในการซื้อนักเตะเข้ามาเสริมทีมในช่วงก่อนเริ่มฤดูกาลที่ผ่านมา และทำให้เป้าหมายของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดส่วนใหญ่กลายเป็นนักเตะในแถบอังกฤษ หรือบริเวณรอบๆ เกาะอังกฤษเสียเป็นส่วนใหญ่ เพราะนักเตะจากแถบนี้มักจะเติบโตมากับการดูฟุตบอลอังกฤษอยู่แล้ว และช่วงที่เขากำลังเติบโตก็เป็นช่วงที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสันกำลังกอบโกยความสำเร็จเข้าสู่สโมสรพอดี ทำให้พวกเขาจะหานักเตะที่มีใจมาเล่นให้กับทีม “ปีศาจแดง” ได้ไม่ยากเย็นนัก ซึ่งในช่วงซัมเมอร์ปีที่แล้วที่พวกเขาคว้าตัวมาร่วมทีมได้ทั้งหมด 3 คนนั้นก็มีสตอรี่หลุดออกมาว่านักเตะเหล่านั้นล้วนมีแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นทีมในดวงใจทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นแฮร์รี่ แม็คไกวร์ อาร่อน วาน บิสซาก้า หรือแม้แต่ดาเนี่ยล เจมส์ก็เช่นกัน และต่อมาในช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา พวกเขาก็คว้านักเตะที่มีใจให้กับสโมสรมาได้อีก 2 คน นั่นคือบรูโน่ แฟร์นันดส์ กองกลางทีมชาติโปรตุเกสจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน ที่หลังจากย้ายมาร่วมรังโอลด์ แทรฟฟอร์ดแล้ว เขาก็ได้ให้สัมภาษณ์ว่าเขามีทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเป็นตัวเลือกแรกในการย้ายทีม เช่นเดียวกับโอเดี้ยน อิกาโล่ กองหน้าทีมชาติไนจีเรีย ที่เขาก็บอกกับเอเย่นต์ก่อนย้ายทีมเช่นกันว่าให้คุยกับทีม “ปีศาจแดง” ก่อนทีมอื่น รวมถึงยังมีรูปหลุดในวัยเด็กของเขาออกมาที่สวมเสื้อทีมอยู่ด้วย

วิธีการนี้ทำให้สโมสรได้นักเตะที่ต้องการเล่นให้กับทีมมาร่วมทีม 5 คนในฤดูกาลนี้ และมันทำให้ผลงานของทีมดีขึ้นทันตาเห็นตั้งแต่ผ่านเดือนมกราคมที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่แพ้ใครมาแล้วถึง 11 นัดติดต่อกัน ก่อนที่จะเบรกหนีไวรัสโควิด 19 ไป ซึ่งถือว่าเป็นทีมที่กำลังฟอร์มแรงที่สุดทีมหนึ่งในยุโรปเลยทีเดียว โดยเฉพาะการมาของบรูโน่ แฟร์นันดส์ ที่ทำให้ทีม “ปีศาจแดง” มีก้าวกระโดดในการเล่นอย่างแท้จริง เมื่อเขาเข้ามาแทนที่ของเจสซี่ ลินการ์ด และอันเดรส เปร์เรร่าได้อย่างยอดเยี่ยม และทำให้ทีมมีความลงตัวเป็นอย่างมากในแดนกลาง ซึ่งในตอนนี้สิ่งที่สาวก “เรด อาร์มี่” อยากเห็นมากที่สุดก็คือการที่บรูโน่จะได้เล่นร่วมกับปอล ป็อกบา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสที่กำลังจะหายเจ็บกลับมาแล้วนั่นเอง ซึ่งอยากรู้มากว่าโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์จะมีวิธีการจัดทัพอย่างไรหลังจากที่กองกลางของทีมกลับมามีตัวเลือกให้พร้อมใช้งานทั้งหมด ซึ่งน่าจะทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอาจจะแข็งแกร่งมากขึ้นกว่านี้อีกก็เป็นได้

การวางแผนการบูรณาการแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นยังคงไม่เสร็จสิ้นแต่เพียงเท่านี้ เพราะพวกเขายังมีอีกบางตำแหน่งที่ยังต้องปรับปรุงอีกในช่วงซัมเมอร์ที่จะถึงนี้ โดยเฉพาะในตำแหน่งปีกขวาที่ยังคงเป็นหลุมดำของทีมอยู่ แม้ว่าดาเนี่ยล เจมส์จะสามารถแก้ขัดได้ในบางนัดก็ตาม แต่หากพวกเขาหวังที่จะกลับไปเป็นแชมป์อีกครั้ง ทุกตำแหน่งจะต้องสมบูรณ์ที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทำให้มีข่าวออกมาตลอดว่าทีม “ปีศาจแดง” เล็งคว้าตัวเจดอน ซานโช่ ปีกดาวรุ่งทีมชาติอังกฤษจากโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์มาอย่างยาวนาน และตั้งดาวเตะรายนี้ไว้เป็นเป้าหมายแรกในการที่จะคว้าตัวมาร่วมทีมในกลางปีนี้ ส่วนอีกตำแหน่งที่มีข่าวคือตำแหน่งกองกลางเพลย์เมคเกอร์ ที่ถึงแม้ว่าทีมพึ่งจะคว้าตัวบรูโน่ แฟร์นันดส์มาได้ก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าโอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์จะยังต้องการดาวเตะในตำแหน่งเพลย์เมคเกอร์อีกคนอยู่ดี โดยพวกเขามีข่าวกับเจมส์ แมดดิสัน เพลย์เมคเกอร์จากเลสเตอร์ ซิตี้ กับอีกคนคือแจ็ค กรีลิช กัปตันทีมของแอสตัน วิลล่า ซึ่งหากว่าพวกเขาได้นักเตะตามที่ต้องการทั้งหมด 2 รายในช่วงปิดฤดูกาลนี้จะทำให้ขุมกำลังของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนั้นมีความลึกของขุมกำลังที่ดีขึ้นจากเดิมมากทีเดียว โดยเฉพาะในตำแหน่งแดนกลาง ไม่ว่าสถานการณ์ของปอล ป็อกบาจะเป็นอย่างไรก็ตาม แต่ตอนนี้สโมสรสามารถวางใจกับดาวเตะฝรั่งเศสรายนี้ได้ในระดับหนึ่ง ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจย้ายทีม พวกเขาก็แค่หานักเตะใหม่เข้ามาทดแทน ซึ่งจากตอนนี้ป็อกบาไม่ได้เป็นนักเตะที่สำคัญที่สุดของทัพ “ปีศาจแดง” อีกต่อไปแล้ว ทำให้สถานการณ์ของเขากับสโมสรนั้นเปลี่ยนไปทันที เมื่อสัญญาของป็อกบายังมีอยู่ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด และทีมอื่นๆ ที่เคยสนใจจะคว้าตัวเขาไปร่วมทีมก็เริ่มถอยห่างออกไป ทั้งเรอัล มาดริด และยูเวนตุส ทำให้ปอล ป็อกบา อาจจะต้องกลับมามุ่งมั่นกับการเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอีกครั้งในฤดูกาลหน้า

การที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะสามารถทำให้ได้ตามแผนที่ตั้งเป้าเอาไว้ในช่วงปิดฤดูกาลนี้ สิ่งสำคัญอย่างแรกคือพวกเขาจะต้องคว้าสิทธิ์ไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้าให้ได้เสียก่อน ถึงจะมีโอกาสในการคว้าตัวเจดอน ซานโช่ ที่ค่อนข้างชัดเจนว่าหากว่าพวกเขาชวดการไปเล่นแชมเปี้ยนส์ ลีกก็เลิกหวังในการคว้าตัวดาวเตะรายนี้ไปได้เลย