ช่วงชี้ชะตามูรินโญ่!

ช่วงชี้ชะตามูรินโญ่!

โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุกีสเสียเครดิตไปมากทีเดียวในตอนที่คุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และไม่สามารถทำให้ “ปีศาจแดง” กลับมาประสบความสำเร็จในการเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกได้อีกครั้ง ทั้งๆ ที่สถิติก่อนหน้านี้ในการคุมทีมของมูรินโญ่คือสามารถทำให้ทีมที่เขาไปคุมนั้นได้แชมป์ลีกมาทุกสโมสร ทำให้การกลับมารับงานคุมทีมครั้งนี้เขาต้องลดเกรดลงมาคุมทีมท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ ซึ่งถึงแม้ว่าจะเป็นทีมที่อยู่ในระดับท็อป 6 ของพรีเมียร์ลีกก็ตาม

แต่ความพรีเมี่ยมของทีม รวมถึงงบประมาณที่เขาจะได้รับในการเสริมทัพนั้นจะน้อยกว่าทีมอื่นๆ ที่เขาเคยคุมมาอย่างแน่นอน เพราะดาเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสร “ไก่เดือยทอง” นั้นขึ้นชื่อเรื่องความเขี้ยวอยู่แล้ว อีกทั้งสเปอร์ยังพึ่งใช้งบประมาณก้อนโตไปกับการสร้างสนามแห่งใหม่ ทำให้พวกเขาเหลืองบประมาณไม่มากนัก ซึ่งก่อนหน้านี้ทางสโมสรก็ออกมาบอกเป็นนัยๆ แล้วว่าหลังจบฤดูกาลนี้โชเซ่ มูรินโญ่จะมีงบประมาณในการเสริมทัพแค่ 50 ล้านปอนด์โดยประมาณเท่านั้น

หากว่าไม่สามารถทำอันดับไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกได้ในฤดูกาลหน้า ซึ่งจะเป็นงบประมาณที่น้อยที่สุดนับตั้งแต่โชเซ่ มูรินโญ่คุมทีมมาเลยก็ว่าได้ และจะเป็นบทพิสูจน์และท้าทายเป็นอย่างยิ่งว่าเขาจะทำให้ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ประสบความสำเร็จได้อย่างไรหลังจากนี้ เพราะโชเซ่ มูรินโญ่นั้นขึ้นชื่อว่าต้องมีการเสริมทัพอย่างหนักถึงจะทำให้ทีมประสบความสำเร็จตามที่ต้องการได้

และเขาเป็นกุนซือที่ค่อนข้างมีรูปแบบตายตัว คือการซื้อยอดนักเตะมาทำให้ทีมเก่งขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่ค่อยนิยมการปั้นเด็ก หรือดันดาวรุ่งขึ้นมามากนัก ซึ่งเขาขึ้นชื่อเรื่องที่มักใช้เงินก้อนโตเพื่อทำให้ทีมประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว คือจะคล้ายๆ กับเป็ป กวาดิโอล่า กุนซือของแมนเชสเตอร์ ซิตี้คนปัจจุบัน แม้ว่าแนวทางการเล่นจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงก็ตาม

 

โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุกีสเสียเครดิตไปมากทีเดียวในตอนที่คุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซือชาวโปรตุกีสเสียเครดิตไปมากทีเดียวในตอนที่คุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

การที่สเปอร์มีงบประมาณในการเสริมทัพน้อยนั้นทางโชเซ่ มูรินโญ่ น่าจะทราบเรื่องนี้อยู่ก่อนแล้ว เพราะว่าน่าจะต้องมีการคุยกันมาตั้งแต่ก่อนรับงานคุมทีมนี้แล้วว่าแผนการทำงานระยะยาวของสโมสรเป็นอย่างไร และกุนซือชาวโปรตุกีสจะต้องเจอกับเหตการณ์ใดบ้าง ซึ่งมูรินโญ่คงเตรียมใจกับเรื่องนี้ไว้แล้ว และที่เขารับงานนี้ก็เพราะสถานการณ์

และสถานภาพของเขานั้นไม่ได้เป็นพวกหล่อเลือกได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว ทำให้เขาต้องรับงานนี้อย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสิ่งที่โชเซ่ มูรินโญ่จะต้องทำหลังจากนี้ก็คือจะต้องคัดกรองนักเตะว่าคนไหนจะได้ไปต่อกับเขาในฤดูกาลหน้า และคนไหนที่สโมสรจะต้องปล่อยออกจากทีม เนื่องจากไม่อยู่ในแผนการทำทีมของเขา หรือว่ายังดีไม่พอ หรือเล่นไม่เข้ากับระบบที่เขาวางไว้ แต่สิ่งที่มูรินโญ่ควรทำก็คือการรั้งนักเตะตัวหลักไว้อยู่กับทีมให้ได้มากที่สุดไว้ก่อน

เพื่อที่จะสามารถประหยัดงบประมาณ และไม่ต้องซื้อนักเตะใหม่มาเสริมทีม เพื่อเป็นการเก็บงบประมาณอันน้อยนิดของพวกเขาไปซื้อนักเตะที่เขาต้องการจริงๆ มาร่วมทีม และงานแรกหลังจากนี้ก็คือการพยายามรั้งแยน แฟร์ต็องเก้น กองหลังทีมชาติเบลเยี่ยมที่กำลังจะหมดสัญญากับทีมหลังจบฤดูกาลนี้ไว้ให้ได้

ซึ่งก่อนหน้านี้พอมูรินโญ่เข้ามาคุมทีมเขาสามารถกล่อมโทบี้ อัลเดอร์ไวรัลด์ กองหลังเบลเยี่ยมอีกคนนึงจนต่อสัญญาฉบับใหม่กับทีมออกไปได้เรียบร้อยแล้ว แต่ก็ไม่สามารถรั้งคริสเตียน อิริคเซ่น เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติเดนมาร์กให้ต่อสัญญากับทีมได้เช่นกัน ทำให้แฟร์ต็องเก้นนั้นถือว่าเป็นเรื่องสำคัญเรื่องแรกที่มูรินโญ่ต้องกล่อมมาต่อสัญญากับทีมให้ได้ เพราะกองหลังที่สามารถเล่นได้ทั้งปราการหลังตัวกลาง และแบ็คซ้ายรายนี้ถือว่าเป็นตัวหลักของทีมมาอย่างยาวนาน

อีกเรื่องหนึ่งที่โชเซ่ มูรินโญ่ต้องพยายามทำให้ได้ก็คือการเรียกฟอร์มเก่งของนักเตะบางคนออกมาให้ได้ โดยก่อนหน้านี้มีภาพหลุดออกมาว่าเขาเรียกนักเตะ 3 คนไปทำการซ้อมกันที่สวนสาธารณะในกรุงลอนดอน ทั้งๆ ที่อยู่ในช่วงที่หลายๆ คนรณรงค์ให้ทุกคนอยู่กับบ้าน โดย 3 คนนั้นได้แก่ดาวินซอน ซานเชส ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ และไรอัน แซสเซญง ซึ่งเป็น 3 นักเตะที่ถือว่ายังทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควรในช่วงที่ผ่านมา โดย 2 ใน 3 นั้นเป็นนักเตะใหม่ที่ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์พึ่งคว้าตัวมาร่วมทีมในฤดูกาลนี้ ทั้งต็องกีย์ และแซสเซญง

ซึ่งถือว่าเป็นนักเตะดาวรุ่งอนาคตไกลทั้งคู่ แต่กลับทำผลงานได้น่าผิดหวังในฤดูกาลนี้ โดยเฉพาะต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล่ ที่พึ่งโดนโชเซ่ มูรินโญ่ตำหนิออกสื่อไปไม่นานนี้ว่าทำผลงานได้ไม่ดี ซึ่งมูรินโญ่เหมือนจะพยายามเรียกฟอร์มเก่งของนักเตะเหล่านี้ออกมาให้ได้ เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องซื้อนักเตะใหม่เพิ่มมากนักหลังจบฤดูกาล และด้วยสถานการณ์ที่ทีมได้รับผลกระทบจากเรื่องโควิด 19 แบบนี้ ก็ยังไม่รู้ว่างบประมาณการเสริมทัพของทีมจะลดน้อยลงไปเหลือเท่าไหร่ด้วย