5 ลีกใหญ่หลังจากวิกฤตโควิด 19

     5 ลีกใหญ่ในยุโรป ช่วงที่ผ่านมาต้องถูกระงับการแข่งขันไปเนื่องจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า หรือที่องค์การอนามัยโลกตั้งชื่อให้ว่าไวรัสโควิด 19 ที่แพร่กระจายเชื้อไปทั่วโลกแล้วในเวลานี้ รวมถึงทวีปยุโรปที่เชื้อไวรัสแผ่ขยายไปอย่างกว้างขวาง และรุนแรงกว่าทวีปเอเชียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในประเทศอิตาลี เยอรมัน และสเปน ที่มีคนติดเชื้อสูงมากๆ ในตอนนี้ ทำให้ทุกลีกในยุโรปถูกระงับการแข่งขันออกไปก่อนจนถึงช่วงต้นเดือนเมษายนเป็นอย่างน้อย เพื่อดูสถานการณ์ว่าพอถึงช่วงนั้นสถานการณ์ภายในประเทศของลีกไหนเป็นอย่างไร และจะพิจารณารการกลับมาเตะกันอีกครั้ง ซึ่งจากที่ยูฟ่ามีมติให้ทุกลีกที่เป็นชาติสมาชิกของทางสมาพันธ์ฟุตบอลยุโรปขยายเวลาจากปกติที่เร่งรัดให้จบลีกในช่วงเดือนพฤษภาคม ไปเป็นช่วงปลายเดือนมิถุนายนแทน เพื่อที่ลีกต่างๆ จะได้ไม่ต้องตัดจบโปรแกรมลีกที่เตะกันมากว่า ¾ ของฤดูกาลแล้ว ซึ่งสถานการณ์ของ 5 ลีกใหญ่ในยุโรป อันประกอบไปด้วยพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ บุนเดสลีก้าเยอรมัน ลา ลีก้าสเปน กัลโช่ เซเรีย อาของอิตาลี และลีก เอิงของฝรั่งเศส ก็มีสถานการณ์ที่แตกต่างกันไปในลีก ซึ่งเราจะมาสรุปสถานการณ์ของลีกต่างๆ กัน

เริ่มต้นจากลีก

 

-เอิงของฝรั่งเศส

ที่แชมป์นั้นแทบไม่ต้องลุ้นแต่อย่างใด เพราะปารีส แซงต์ แชร์กแมง  ถึงแม้ว่าความห่างของคะแนนจะไม่เท่าพรีเมียร์ลีกก็ตาม แต่แชมป์ลีก เอิงก็อยู่ในมือของพวกเขาแล้วในตอนนี้ ที่สนุกตอนนี้คือการลุ้นอันดับไปเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลหน้าที่ลีก เอิงจะเอาเพียง 3 อันดับแรกเท่านั้น และตอนนี้มีแรนส์ และลีลล์กำลังขับเคี่ยวกันอยู่ ส่วนโอลิมปิก ลียงนั้นในฤดูกาลนี้ทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง และอาจจะไม่ได้ไปเล่นในฟุตบอลยุโรปฤดูกาลหน้าด้วยซ้ำ เพราะตอนนี้คะแนนของพวกเขาห่างจากพื้นที่ยุโรปถึง 9 คะแนนเลยทีเดียว กับในช่วง 10 นัดที่เหลือในฤดูกาลนี้ เช่นเดียวกับโมนาโกที่อาจจะไม่ต้องลุ้นหนีตกชั้นเหมือนปีที่แล้ว แต่ก็ยังไม่ดีพอที่จะไปเล่นในฟุตบอลยุโรปอยู่ดี

-บุนเดสลีก้า

เป็นลีกที่สถานการณ์พลิกผันจากช่วงครึ่งฤดูกาลแรกเป็นอย่างมาก เมื่อทั้งไลป์ซิก และโบรุสเซีย มึนเช่นกลัดบัคที่ทำผลงานดีในช่วงครึ่งฤดูกาลแรกกลับมาแผ่วในช่วงหลังจากพักเบรกหนีหนาวมา ทำให้ตารางคะแนนตอนนี้กลายเป็นเหมือนภาพคุ้นตาจากปีก่อนๆ ที่ยังมีบาเยิร์น มิวนิคกลายมาเป็นจ่าฝูงของลีกอีกครั้ง และมีโบรุสเซีย ดอร์ตมุนด์ที่ตามมาอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ และอีกทีมที่น่าสนใจที่ฟอร์มมาแรงในช่วงครึ่งฤดูกาลหลังก็คือไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ที่เก็บชัยชนะได้รวดหลังจากขึ้นปี 2020 มา โดยมีเพียงบุกไปเสมอกับทีม “เสือใต้” นัดเดียวเท่านั้น นอกนั้นพวกเขาเก็บชัยชนะได้ทั้งหมด ซึ่งทีม “ห้างขายยา” อาจจะต้องลุ้นพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีกกับไลป์ซิก และกลัดบัคหลังจากนี้ เพราะดูเหมือน 2 ทีมที่เคยเป็นจ่าฝูงของลีกจะยังไม่แข็งแกร่งพอจะไปต่อกรแย่งแชมป์กับ 2 เสือในช่วงท้ายฤดูกาล ซึ่งการลุ้นแชมป์นั้นยังคงเปิดให้กับดอร์ตมุนด์อยู่ก็จริง แต่หากดูความดุของ “เสือใต้” ในช่วงที่ก่อนหยุดหนีไวรัสไปนั้นบอกได้เลยว่ายากมากที่บาเยิร์น มิวนิคจะมาตกม้าตายในช่วงท้ายฤดูกาล

 

ลีกใหญ่ในยุโรป
ลีกใหญ่ในยุโรป

-กัลโช่ เซเรีย อา

ที่ฤดูกาลนี้ยังคงสนุกสูสีอยู่ในช่วง 10 นัดสุดท้ายที่เหลือ เมื่อยูเวนตุสของกุนซืออย่างเมาริซิโอ ซาร์รี่ที่เข้ามาคุมทีมเป็นฤดูกาลแรก ทำให้ผลงานยังไม่เข้าตามากนัก และถึงแม้ว่าทีม “ม้าลาย” จะยังคงนำเป็นจ่าฝูงของลีกได้อยู่ก็ตาม แต่ก็ถูกลาซิโอ ทีมฟอร์มแรงประจำฤดูกาลนี้ที่โกยคะแนนตามหลังมาติดๆ เหลือเพียงคะแนนเดียวเท่านั้น ซึ่งอาจจะมาแย่งแชมป์ลีกไปจากยูเวนตุส และทำให้สถิติที่พวกเขาครองแชมป์สคูเด็ตโต้มาอย่างยาวนาน 8 สมัยติดต่อกันถูกทำลายลงไปก็ได้ โดยมีอินเตอร์ มิลานที่มาพลาดท่าหลุดฟอร์มในช่วงหลัง ทำให้คะแนนถูกทิ้งห่างออกไป และน่าจะหมดโอกาสในการลุ้นแชมป์ไปแล้วในฤดูกาลนี้ ซึ่งก็เป็นฤดูกาลแรกของอันโตนิโอ คอนเต้เช่นกัน แต่ถือว่าสามารถยกระดับการเล่นของทีม “งูใหญ่” ได้ดีกว่าเมื่อยุคของลูชาโน่ สปัลเล็ตติเมื่อปีที่แล้ว แต่อย่างน้อยอินเตอร์ มิลานก็ยังน่าจะได้ไปเตะในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกในฤดูกาลหน้าต่อไป เพราะคะแนนของพวกเขาถือว่ายังนำหน้าโรม่าที่อยู่อันดับ 5 อยู่เกือบ 10 คะแนนเลยทีเดียว ส่วนในโซนตกชั้นของเซเรีย อานั้นยังถือว่าลุ้นกันสนุกในโควต้าสุดท้าย เพราะเบรสชา และสปาล เป็น 2 ทีมที่จองโควตาไปเล่นในเซเรีย บีแล้ว ถึงแม้ว่าในทางปฏิบัติพวกเขาจะยังมีลุ้นอยู่ก็ตาม โดยทีมตกชั้นโควตาสุดท้ายนั้นยังต้องลุ้นกันอยู่ว่าจะเป็นของใคร โดยมีหลายทีที่อยู่ในข่าย ทั้งเลชเช่ เจ้าของสัมปทานในตอนนี้ เจนัว ซามพ์โดเรีย โตริโน่ อุดิเนเซ่ และอาจจะรวมไปถึงฟิออเรนติน่าด้วย

-ลา ลีก้าสเปน

ในส่วนของการลุ้นแชมป์นั้นยังสนุกสูสี และยังมองไม่ออกว่าใครกันที่จะคว้าแชมป์ปีนี้ไปครอง ระหว่างเรอัล มาดริด หรือว่าบาร์เซโลน่า ที่แม้ว่าตอนนี้บาร์เซโลน่าจะสามารถแซงกลับไปนำเป็นจ่าฝูงได้อีกครั้ง แต่เฮด ทู เฮด พวกเขาเสียเปรียบทีม “ราชันย์ชุดขาว” ไปเรียบร้อยแล้วในฤดูกาลนี้ หลังจากศึกเอล กลาซิโก้ทั้ง 2 นัด ทีมของซีเนอดีน ซีดานทำได้ดีกว่า ซึ่งทำหี้ม “เจ้าบุญทุ่ม” จะพลาดไม่ได้แม้แต่นัดเดียว หากต้องการจะคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้ ส่วนทีมที่ต้องเหนื่อยหนักในช่วงท้ายฤดูกาลนี้ก็คือแอตเลติโก มาดริดนั่นเอง ที่ถึงแม้ว่าจะพลิกเข้ารอบยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกรอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ แต่ว่าผลงานในลีกของพวกเขานั้นไม่ดีเอาเสียเลย เมื่อหลุดเสมอบ่อยเกินไป จนทำให้คะแนนของทีมนั้นไม่กระเตื้อง และต้องหล่นลงมาอยู่ในอันดับที่ 6 ของตารางแล้วในเวลานี้ โดยถูกเซบีญ่า เรอัล โซเซียดาด และเกตาเฟ่ แซงหน้าไปหมดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งอาจจะเป็นครั้งแรกในยุคการคุมทีมของดิเอโก้ ซิเมโอเน่ก็เป็นได้ที่พวกเขาอาจจะไม่ได้ไปเล่นในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก หากว่ายังไม่สามารถเรียกฟอร์มเก่งกลับมาสู่ทีมได้

-พรีเมียร์ลีก

ของอังกฤษนั้นการลุ้นแชมป์ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เพราะพอกลับมาเตะกันอีกครั้ง อีกไม่เกิน 2 นัด ลิเวอร์พูลทีมจ่าฝูงในเวลานี้ก็น่าจะได้เป็นแชมป์พรีเมียร์ลีกอย่างเป็นทางการด้วยคะแนนที่ขาดลอย และจะเป็นแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกของทีม “หงส์แดง” ในรอบ 30 ปีเลยทีเดียว ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถทำสถิติไร้พ่ายได้ตามที่แฟนๆ หวังไว้ก็ตาม แต่ก็ถือว่าผลงานในฤดูกาลนี้ก็ยิ่งใหญ่แล้ว โดยความสนุกของลีกผู้ดียังเหลืออยู่คือในโซนการลุ้นพื้นที่ไปเตะยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีกฤดูกาลหน้า ที่มีหลายทีมที่ยังอยู่ในข่ายได้ลุ้นอันดับที่ 4 ทั้งเชลซีเจ้าของพื้นที่มาอย่างยาวนาน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่ฟอร์มกำลังมาแรง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ทีมม้ามืดประจำฤดูกาลนี้ วูล์ฟส์แฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส และท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ที่ก็ถือว่ายังได้ลุ้นอยู่ และยิ่งหากโควต้าของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่อาจจะหล่นมาถึงอันดับ 5 หากว่าพวกเขาโดนแบนจากยูฟ่าตามโทษเดิม จะทำให้การลุ้นพื้นที่ตรงนี้จะสนุกยิ่งขึ้นอีกด้วย ซึ่งในโซนลุ้นหนีตกชั้นก็สนุกสูสีเช่นกัน เมื่อมีเดิมพันค่าลิขสิทธิ์กว่า 100 ล้านปอนด์เลยทีเดียวสำหรับทีมที่อยู่รอดได้สำเร็จ โดยตอนนี้มีทีมที่อยู่ในข่ายลุ้นหนีตกชั้นอยู่ถึง 6 ทีม โดยมีนอริช ซิตี้ที่อาการหนักที่สุด นอกนั้นทั้งแอสตัน วิลล่า บอร์นมัธ วัตฟอร์ด ไบรท์ตัน และเวสต์แฮม ยูไนเต็ด ยังถือว่ามีโอกาสใกล้เคียงกันมาก ซึ่งยังมองไม่ออกว่าหวยจะไปออกที่ใครที่จะต้องตกไปเล่นในแชมเปี้ยนชิปปีหน้า